ทีเส็บจัดแฟมทริปผู้ประกอบการไมซ์ต่างชาติในรอบ 2 ปี ขานรับมาตรการผ่อนคลายการเข้าประเทศ ดึงผู้ประกอบการไมซ์ต่างชาติ 43 ราย จาก 14 ประเทศและ 1 เขตบริหารพิเศษ สำรวจสถานที่จัดงานในกรุงเทพฯและภูเก็ต เพื่อสร้างความมั่นใจในการเลือกจัดงานไมซ์ในประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะเกิดการจัดงานจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (lead) จำนวน 57 งาน รายได้ประมาณการ 1,901.34 ล้านบาท ผู้ประกอบการไมซ์นานาชาติต่างชูคุณภาพมาตรฐานงานบริการ ความยืดหยุ่นในการทำงาน ความหลากหลายของเส้นทางและกิจกรรมไมซ์ เป็นจุดขายประเทศไทยในการจัดงานไมซ์นานาชาติ นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศมากขึ้น ทีเส็บจึงรีบดำเนินการกระตุ้นตลาดต่างประเทศทันที ทั้งตลาดที่มีโอกาสฟื้นตัวเร็ว คือตลาดการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และตลาดที่ต้องวางแผนระยะยาว คือตลาดงานประชุมนานาชาติ โดยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ถึง 1 เมษายน ที่ผ่านมา ทีเส็บได้จัดงาน 2022 Thailand MICE Familiarization Trip ขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ขานรับมาตรการเปิดประเทศของรัฐบาล โดยจัดกิจกรรมในเส้นทางกรุงเทพ – ภูเก็ต ให้กับกลุ่มบริษัทตัวแทนการเดินทางไมซ์ (MICE Agent) บริษัทผู้ให้บริการจัดงานอีเวนต์ (Event Planner) นักวางแผนการจัดประชุม (Meeting Planner) ผู้แทนจากองค์กรธุรกิจ (Corporate) และกลุ่มบริษัทผู้ให้บริการด้านบริหารจัดงานประชุม (Professional Conference Organizer - PCO) รวม 43 ราย จาก 14 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย เบลเยียม บัลแกเรีย แคนาดา ฝรั่งเศส อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ โปรตุเกส สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และ 1 เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งหมด 15 ตลาดลูกค้าต่างประเทศ จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มุ่งหวังว่ากลุ่มผู้จัดงาน องค์กรธุรกิจ จากนานาประเทศจะได้รับประสบการณ์ตรงจากการเข้ามาศึกษาเส้นทางดูความพร้อมและศักยภาพของประเทศไทยในการจัดงานประชุม การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และการจัดประชุมวิชาชีพระดับนานาชาติทั้งในด้านของสถานที่จัดงาน โรงแรมที่พัก รูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ การเดินทางเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนแนวปฏิบัติด้านสุขอนามัยในการจัดงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการไมซ์ในต่างประเทศว่าการตัดสินใจเลือกจัดงานในประเทศไทยจะได้รับผลสำเร็จตามเป้าหมาย และสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามา โดยการจัดงานดังกล่าวยังให้ความสำคัญกับการจัดงานอย่างยั่งยืนที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ ด้วยการจัดกิจกรรมแฟมทริปทั้ง 7 วัน รวมถึงการจัดงานเลี้ยงขอบคุณผู้ร่วมทริปในคืนสุดท้าย หรืองาน The Embrace of Thai Night ปิดท้ายกิจกรรม ทั้งนี้การบริหารจัดการงานทั้งหมดสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 6,603.19 kgCO2e เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 400 ต้น และวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ในงานจะถูกนำกลับไปใช้ใหม่ในงานอื่นต่อไป ทั้งนี้ ในการพบเจรจากับผู้ประกอบการไทย ทั้งศูนย์ประชุมนานาชาติและโรงแรมต่าง ๆ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ของการนำงานมาจัดในประเทศไทย สามารถคาดการณ์จำนวนงานจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (lead) ของงานประชุมนานาชาติทั้งหมด 6 งาน จำนวนนักเดินทาง 14,600 คน ประมาณการรายได้ 919,800,000 บาท ในส่วนของการประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล สรุปจำนวนงานจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (lead) ได้ทั้งหมด 51 งาน จำนวนนักเดินทาง 15,580 คน ประมาณการรายได้ 981,540,000 บาท รวมรายได้เข้าประเทศทั้งหมดเป็นเงิน 1,901,340,000 บาท สำหรับมุมมองต่อความพร้อมในประเทศไทยของผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่มาร่วมทริปในครั้งนี้ต่างกล่าวถึง มาตรฐาน คุณภาพ ความยืดหยุ่นในการปรับตัว เอกลักษณ์ด้านบริการ และอาหารเป็นจุดขายของประเทศไทยในการรองรับการจัดงานไมซ์นานาชาติ โดย นายจิรุตถ์ ได้กล่าวต่อว่า ตลอดสองปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 แต่ทีเส็บก็ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการกลับมาของตลาดไมซ์ต่างชาติอีกครั้ง และยังคงได้รับความไว้วางใจจากนานาชาติในการเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งเสียงตอบรับจากผู้ที่มาเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ต่างมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่ตอบโจทย์การจัดงานระดับโลกให้บรรลุผลสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้