วันที่ 12 เม.ย.65 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า... 499.6 ล้านไปแล้ว พรุ่งนี้จะทะลุ 500 ล้านคน เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 515,032 คน ตายเพิ่ม 1,917 คน รวมแล้วติดไปรวม 499,630,064 คน เสียชีวิตรวม 6,205,365 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เยอรมัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอิตาลี (แต่หากรวม ATK ไทยเราจะเป็นอันดับ 5 ของโลก ติดต่อกันเป็นวันที่สอง) เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 83.02 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 84.66 การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 39.08 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 32.65 ...สถานการณ์ระบาดของไทย เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 2 ของเอเชีย เป็นรองเพียงเกาหลีใต้ ...วิเคราะห์ผลลัพธ์จากการบริหารนโยบายสาธารณสุขและป้องกันควบคุมโรค ผลลัพธ์สำคัญที่เห็นคือ หนึ่ง จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK ติด Top 5 ของโลก ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกนั้นเป็นขาลง แต่การระบาดของเรายังรุนแรงต่อเนื่อง สอง จำนวนเสียชีวิตต่อวัน ติดอันดับ Top 5-10 ของโลกติดต่อกัน นอกจากนี้ล่าสุดเมื่อวานนี้จำนวนการเสียชีวิตต่อวันของเราเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย และคิดเป็น 5.47% ของการเสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก และ 16.77% ของเอเชีย สาม ข้อมูลจาก Ourworldindata จากทั้ง 2 ภาพ จะเห็นได้ว่า ถ้าเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าการระบาด ไทยเรามีการเสียชีวิตที่สูงกว่าเดิมมาก (Excess mortality rate) นับตั้งแต่การจัดการระบาดระลอกสอง สาม และสี่เป็นต้นมา แสดงถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการบริหารนโยบายและมาตรการด้านสาธารณสุขที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการควบคุมป้องกันโรค และการจัดระบบบริการดูแลรักษา ผลลัพธ์ข้างต้น น่าจะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร โควิด-19 เอาอยู่ เพียงพอ กระจอก หรือธรรมดา จริงหรือไม่? ...Mindset ที่ถูกต้องเหมาะสม จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี โดยหลักการแล้ว สงครามโรคที่รุนแรงนั้น ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจำเป็นต้องมีจุดยืนบน mindset ที่ไม่ปรามาสด้อยค่าสมรรถนะของเชื้อโรค เน้นเรื่องลดความเสี่ยง มุ่งหาทางทำให้เกิดสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตแก่คนในสังคม หากทำเช่นนั้นได้ ก็จะสะท้อนออกมาเป็นนโยบายและมาตรการที่ลดความเสี่ยง ไม่ใช่เพิ่มความเสี่ยง และการวางแผนจัดการเรื่องยา และวัคซีน ทั้งในเรื่องความสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของประเทศพัฒนาแล้ว ปริมาณ ระยะเวลาที่จัดหามาได้ กฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดและส่งผลต่อการเข้าถึงสำหรับทุกคน ไม่ใช่จัดแล้วทำให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรม (Health inequity) เกิดปัญหารหัสลับเพื่อลัดคิวหรือเข้าถึงโดยเส้นสายดังที่เห็นบทเรียนมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ...อัพเดตงานวิจัย Long COVID Sugiyama A และคณะจากประเทศญี่ปุ่น รายงานผลการศึกษาเชิงสำรวจเกี่ยวกับ Long COVID ในผู้ที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวน 127 คน จาก 2 โรงพยาบาลในเมืองฮิโรชิม่า ช่วงสิงหาคม 2563-มีนาคม 2564 พบว่า ณ ช่วงเวลาที่ทำการสำรวจนั้น มีผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติต่อเนื่องภายหลังจากติดเชื้อในช่วงแรกถึง 52% โดยคนที่เคยติดเชื้อแบบมีอาการน้อยก็รายงานว่ามีอาการคงค้างสูงถึง 49.5% ทั้งนี้อาการที่พบบ่อยมักเป็นปัญหาเรื่องการดมกลิ่น การรับรส ไอ เป็นต้น เทียบกันแล้วพบว่า คนที่อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการคงค้างมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า 40 ปีลงมา ถึง 3.63 เท่า จากผู้ป่วยที่มี Long COVID ทั้งหมด พบว่ามีถึง 29.1% ที่ส่งผลกระทบต่อสมรรถนะการทำงาน นอกจากนี้ปัญหาสำคัญอีกเรื่องคือ การถูกตีตราทางสังคมหรือกีดกัน (Stigma and discrimination) ที่พบได้มากถึง 43.3% ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นความสำคัญในการที่แต่ละประเทศควรเตรียมระบบบริการดูแลรักษา ฟื้นฟูสภาพ ให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วย Long COVID ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณมากในอนาคตหลังจากผ่านพ้นระยะการระบาดหนักไป ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านการแพทย์ แต่สิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือปัญหาในการดำเนินชีวิตประจำวัน และผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ ทั้งต่อตัวผู้ป่วย ครอบครัว และประเทศ สุดท้าย...bottomline การป้องกันตัวเองและครอบครัวไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีที่สุด หัวใจสำคัญคือ การใส่หน้ากากครับ เพราะคือปราการด่านสุดท้ายของทุกคน อ้างอิง Sugiyama A et al. Long COVID occurrence in COVID-19 survivors. Scientific Reports. 11 April 2022.