วันที่ 11 เม.ย.65 รถบัสโดยสารระหว่างประเทศเส้นทางหาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์ ยังคงเงียบเหงาแทบไร้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวช่วงกรานต์ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นผลมาจากค่าธรรมเนียมเข้าประเทศสูงถึงหัวละกว่า6,000 บาท แม้ว่าจะเปิดด่านพรมแดนไทยมาเลเซียมาตั้งแต่วันที่1 เมษายนที่ผ่านมา แต่ละวันเหลือผู้โดยสารเดินทางเข้ามาไม่ถึง 10 คนและเดินรถได้แค่ชายแดนไทยมาเลเซียเท่านั้น ในขณะที่บรรยากาศในเมืองหาดใหญ่เงียบเหงาอย่างหนัก สื่อโซเชียลมาถ่ายไปเผยแพร่บอกหาดใหญ่ไม่มีอะไรใหม่
ที่ จ.สงขลา บรรยากาศการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ยังคงเงียบเหงาต่อเนื่องมาเป็นปีที่3 จากสถานการณ์โควิด แม้ว่าจะมีการเปิดด่านพรมแดนสะเดาให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกได้ทั้งสองประเทศมาตั้งแต่วันที่1เมษายนแล้วก็ตาม
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบตามบริษัททัวร์ที่ให้บริการรถบัสโดยสารระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย เช่นที่บริษัทหาดใหญ่โทนี่ซูซาน่าทัวร์ ในอ.หาดใหญ่ ซึ่งให้บริการรถบัสโดยสารเส้นทางหาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่
พบว่าเงียบเหงาอย่างหนักแทบไม่มีผู้โดยสารเดินทางเข้าออกระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียเหลือแค่วันละประมาณ10 คนเท่านั้น ต่างจากช่วงสงกรานต์ก่อนที่จะเกิดโควิดซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยวันละอย่างน้อย10คันรถบัส และตอนนี้รถบัสก็วิ่งรับส่งผู้โดยสารได้แค่ด่านบูกิตกายูฮิตัม ฝั่งรัฐเคดาห์มาเลเซียเท่านั้นยังไม่สามารถเข้ามาถึงปลายทางที่อ.หาดใหญ่ได้
นายโทนี ผู้จัดการบริษัทหาดใหญ่โทนี่ซูซาน่าทัวร์ เปิดเผยว่า ปัญหาที่แทบไม่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยแม้จะอยู่ในช่วงสงกรานต์มาจากค่าธรรมเนียมในการเข้าประเทศที่ตกคนละประมาณ800 ริงกิตหรือคิดเป็นเงินไทยกว่า6,000 บาทซึ่งค่อนข้างสูงมากจึงอยากรวมขั้นตอนการตรวจโควิดที่ยุ่งยาก อยากให้ภาครัฐแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยชาวมาเลเซียที่เข้ามาตอนนี้เป็นแค่กลุ่มเล็กเช่นนักธุรกิจและชาวมาเลเซียที่มีครอบครัวอยู่ในเมืองไทยเท่านั้นส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปแทบไม่มี
ในขณะที่บรรยากาศในเมืองหาดใหญ่โดยเฉพาะถนนเสน่หานุสรณ์ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดงานสงกรานต์ของเมืองหาดใหญ่และเป็นแลนมาร์คสูญกลางของนักท่องเที่ยวมาเลเซียก็ยังคงเงียบเหงาไม่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาเที่ยวในช่วงสงกรานต์ แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศแล้วก็ตาม
ผู้ประกอบการร้านค้าบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เท่าที่ฟังเสียงจากชาวมาเลเซียพบว่ามาจากเรื่องค่าธรรมเนียมเข้าประเทศที่แพงเกือบ 800 เหรียญและมีสื่อโซเชียลในมาเลเซียที่เข้ามาเที่ยวในเมืองหาดใหญ่และถ่ายไปลงในสื่อโซเชียลว่าหาดใหญ่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ก็เป็นอีกปัญหาที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา จึงอยากให้สร้างจุดขายใหม่ๆด้านการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา
พบว่าเงียบเหงาอย่างหนักแทบไม่มีผู้โดยสารเดินทางเข้าออกระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียเหลือแค่วันละประมาณ10 คนเท่านั้น ต่างจากช่วงสงกรานต์ก่อนที่จะเกิดโควิดซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยวันละอย่างน้อย10คันรถบัส และตอนนี้รถบัสก็วิ่งรับส่งผู้โดยสารได้แค่ด่านบูกิตกายูฮิตัม ฝั่งรัฐเคดาห์มาเลเซียเท่านั้นยังไม่สามารถเข้ามาถึงปลายทางที่อ.หาดใหญ่ได้
นายโทนี ผู้จัดการบริษัทหาดใหญ่โทนี่ซูซาน่าทัวร์ เปิดเผยว่า ปัญหาที่แทบไม่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยแม้จะอยู่ในช่วงสงกรานต์มาจากค่าธรรมเนียมในการเข้าประเทศที่ตกคนละประมาณ800 ริงกิตหรือคิดเป็นเงินไทยกว่า6,000 บาทซึ่งค่อนข้างสูงมากจึงอยากรวมขั้นตอนการตรวจโควิดที่ยุ่งยาก อยากให้ภาครัฐแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยชาวมาเลเซียที่เข้ามาตอนนี้เป็นแค่กลุ่มเล็กเช่นนักธุรกิจและชาวมาเลเซียที่มีครอบครัวอยู่ในเมืองไทยเท่านั้นส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปแทบไม่มี
ในขณะที่บรรยากาศในเมืองหาดใหญ่โดยเฉพาะถนนเสน่หานุสรณ์ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดงานสงกรานต์ของเมืองหาดใหญ่และเป็นแลนมาร์คสูญกลางของนักท่องเที่ยวมาเลเซียก็ยังคงเงียบเหงาไม่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาเที่ยวในช่วงสงกรานต์ แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศแล้วก็ตาม
ผู้ประกอบการร้านค้าบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เท่าที่ฟังเสียงจากชาวมาเลเซียพบว่ามาจากเรื่องค่าธรรมเนียมเข้าประเทศที่แพงเกือบ 800 เหรียญและมีสื่อโซเชียลในมาเลเซียที่เข้ามาเที่ยวในเมืองหาดใหญ่และถ่ายไปลงในสื่อโซเชียลว่าหาดใหญ่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ก็เป็นอีกปัญหาที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา จึงอยากให้สร้างจุดขายใหม่ๆด้านการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา