วันที่ 11 เม.ย.65 เพจ "กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข" โพสต์ข้อความระบุว่า ...
วัคซีนต้านโควิด 19 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยมีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตในผู้ใหญ่ และล่าสุดรวมถึงเด็กอายุ 11 ปีขึ้นไป เมื่อประชากรในกลุ่มอายุนี้ได้รับวัคซีนมากขึ้น ประเด็นที่เรากำลังสนใจในตอนนี้ก็คือการฉีดวัคซีนให้กลุ่มประชากรที่อายุน้อยลง คือเด็กวัย 5-11 ปี เด็กกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับวัคซีนหรือไม่ และจะปลอดภัยไหม
ระยะเวลาเฉลี่ยที่ผู้ติดเชื้อคนหนึ่งจะแพร่เชื้อและทำให้อีกผู้หนึ่งติดเชื้อ (หรือที่เรียกว่า serial interval) ของสายพันธุ์โอมิครอนนั้นสั้นกว่าสายพันธุ์เดลตาร้อยละ 33 และความเป็นไปได้ของการติดเชื้อ (secondary attack rate) ก็สูงกว่าเดลตา 2 เท่า เรายังพบว่าสายพันธุ์โอมิครอนสามารถหลบกลไกภูมิคุ้มกันได้เก่งขึ้นทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำในผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดมาก่อนแล้ว (สูงกว่าเดลตา 5.4 เท่า) และทำให้เกิดการติดเชื้อในผู้ที่รับวัคซีนแล้ว (breakthrough infection) ซึ่งหมายความว่าโอมิครอนแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น กระทบคนจำนวนมากกว่า และเร็วกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่ปิดและไม่มีการระบายอากาศ เช่น ในบ้าน (โอมิครอนมีอัตราการแพร่เชื้อในบ้านสูงกว่าเดลตา 2.9 เท่า) ด้วยความเร็วของการแพร่ระบาดนี้ มีการทำนายว่าร้อยละ 40 ของประชากรบางกลุ่มจะติดเชื้อด้วยสายพันธุ์โอมิครอนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า รวมถึงเด็ก ๆ ด้วย
เด็กอายุ 5-11 ปี กำลังติดเชื้อโควิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมาซึ่งสายพันธุ์โอมิครอนระบาดหนักในสหราชอาณาจักร พบว่าอัตราการเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นสูงสุดในกลุ่มเด็กอายุ 5 ปี ส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย แม้ว่าร้อยละ 12.7 จะต้องให้ออกซิเจน ในนิวยอร์กช่วงต้นเดือนมกราคม กลุ่มประชากรที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 คือเด็กวัย 5-11 ปีที่ร้อยละ 465 และอันดับ 1 คือเด็กอายุ 12-18 ปีที่ร้อยละ 940 ในช่วงเวลาเดียวกัน กว่าครึ่งหนึ่งของประชากรเด็ก (ร้อยละ 54) ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในนิวยอร์กไม่ได้มีโรคประจำตัว โดยที่ 2 ใน 3 (ร้อยละ 64) แสดงอาการของโควิด เกือบครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 47) เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่โควิด ในประเทศแอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และแคนาดา รายงานว่าในผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาลรวมถึงกลุ่มที่อายุน้อยนั้น การติดเชื้อโควิดเป็นเพียงอาการร่วม หมายความว่า ผู้ป่วยปรากฏอาการของโควิด 19 แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักของการเดินทางมารับบริการที่โรงพยาบาล นี่แสดงให้เห็นว่า เด็กก็มีความเสี่ยงจากโควิด 19 และมีโอกาสที่ความเสี่ยงนั้นจะร้ายแรง อาจต้องใช้ออกซิเจนเพื่อช่วยในการหายใจ และโควิด 19 อาจกระตุ้นให้อาการป่วยเรื้อรังที่มีอยู่เดิมนั้นแย่ลงหรือก่อให้เกิดอาการป่วยเฉียบพลัน
ในประเทศไทย เราพบสายพันธุ์โอมิครอนแล้วใน 77 จังหวัด และแม้ว่าประชากรวัยผู้ใหญ่และเด็กวัย 11-17 ปีจะได้รับวัคซีนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในระดับประเทศ แม้คนที่ยังไม่ได้วัคซีนเป็นประชากรส่วนน้อยแต่ก็มีมากถึง 31% ของประชากรที่ยังไม่ได้วัคซีนเข็มที่สอง และความเหลื่อมล้ำของการฉีดวัคซีนในจังหวัดต่าง ๆ ยังคงมีอยู่สูงตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กอายุ 5-11 ปีเสียอีก เนื่องจากการติดเชื้อโอมิครอนมักไม่แสดงอาการ เราจึงมักไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ ซึ่งหมายความว่าโควิด 19 จะยังคงเป็นความเสี่ยงสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวในทุกกลุ่มอายุต่อไป และสถานการณ์ก็แย่ลงไปอีกเนื่องจากโอมิครอนแพร่ระบาดได้ง่าย และลักษณะครัวเรือนของไทยที่คนหลายช่วงวัยอาศัยอยู่ด้วยกัน ดังนั้นแม้เด็กส่วนใหญ่จะไม่มีอาการป่วยแม้จะติดเชื้อ แต่พวกเขาก็สามารถแพร่เชื้อไปสู่บุคคลกลุ่มเสี่ยงหรือสมาชิกครอบครัวได้ เด็กบางคนก็อาจป่วยหนัก ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากติดโควิด 19 โดยตรง หรือเนื่องจากอาการป่วยจากโรคที่มีอยู่เดิมถูกกระตุ้นให้แรงขึ้น เช่นเดียวกับผู้ใหญ่และวัยรุ่น เด็กก็มีความเสี่ยงจากโควิด 19 ทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น
ที่มา: องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย
#กรมควบคุมโรค
#โควิด19
#วัคซีนโควิด19
ขอบคุณข้อมูล เพจ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข