วันที่ 9 เม.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ลานเอนกประสงค์ บ้านน่าทอง หมู่ 8 ต.คลองวาฬ จ.ประจวบฯ ชมรมผู้เลี้ยงโค-กระบือ จังหวัดประจวบฯ จัดกิจกรรมโชว์สายพันธุ์โค-กระบือ โดยการนำวัวพ่อพันธุ์ แม่พันธ์กว่า 100 ตัว จากหลายพื้นที่มาโชว์ ประชันความสวยงาม แลกเปลี่ยนความรูู้และพัฒนาสายพันธุ์วัวให้มีคุณภาพเหมาะกับภูมิอากาศในท้องถิ่น โดยมีนายธีรศักดิ์ นาคใหญ่ ปศุสัตว์อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ นายสมชาย ปี่แก้ว นายก อบต.คลองวาฬ นายวิเชียร เคลือบอาบ ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงโคตำบลคลองวาฬ นายพิทยา จันทร์แก้ว เกษตรกรรายใหญ่ในตำบลคลองวาฬ และชาวเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระเบือเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน นายธีรศักดิ์ นาคใหญ่ ปศุสัตว์อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ถือเป็นแหล่งเลี้ยงโคเนื้อ โคนม และกระบือ เป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ และข้อได้เปรียบคือ เกษตรกรสามารถเลี้ยงโคในพื้นที่เกษตรกรรมได้ โดยเฉพาะการเลี้ยงในสวนมะพร้าว ซึ่ง ประจวบคีรีขันธ์เป็นพื้นที่ปลูกมะพร้าวและสับปะรดมากที่สุดในประเทศ ทำให้โคกินหญ้าในแปลงปลูกมะพร้าวจึงมีต้นทุนในการเลี้ยงต่ำ และยังมีอาหารเสริมเช่นเปลือกสับปะรด ที่ได้จากการแปรรูปสับปะรดกระป๋องจากโรงงานมีราคาต่ำกว่าจังหวัดอื่น ๆ นายวิเชียร เคลือบอาบ ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงโคตำบลคลองวาฬ กล่าวว่า โคสายพันธุ์หลักที่เกษตรกรเลี้ยงคือ พันธุ์บราห์มัน พันธุ์ชาร์โรเลส์ พันธุ์ฮินดูบราซิล บางบ้านเลี้ยงเพียง 1 - 2 ตัว ส่วนเกษตรกรที่มีกำลังจะเลี้ยงประมาณ 10 – 20 ตัว เนื่องจากวัวสายพันธุ์เหล่านี้ มีราคาแพงโดยเฉพาะลูกวัวแรกเกิด ราคาตั้งแต่ 3 หมื่น ถึงแสนกว่าบาท หากเกษตรกรนำมาผสมพันธุ์กับวัวพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งข้อได้เปรียบคือวัวไทยทนอากาศ ทนโรค และแข็งแรง เมื่อเกิดลูกและขยายพันธุ์จากรุ่นสู่รุ่น สามารถสร้างมูลค่าจากหลักหมื่นสู่หลักแสนต่อตัว แต่หากเป็นพ่อแม่พันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ มีความสวยงาม จะมีราคากว่า 1 ล้านบาทถึงหลายล้านต่อตัว สำหรับงานแสดงโค-กระบือ จัดขึ้นครั้งแรกในอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นการส่งเสริมเกษตรกรให้หันมาเลี้ยงโคพันธุ์ผสมที่มีคุณภาพและได้ราคาจากโคพันธุ์พื้นเมือง ให้มีความรู้ทางวิชาการในการเลี้ยงโคอย่างเป็นระบบ และพัฒนาสายพันธุ์วัวให้มีคุณภาพเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ มีขนาดใหญ่ ได้ปริมาณเนื้อมากขึ้น