จากที่ได้มีรณรงค์ให้การฉีดวัคซีนโควิด-19 ผู้สูงอายุ และกลุ่ม 607 ที่มีโรคประจำตัว (7 โรค) หลังจากมีรายว่าว่า พบสถิติความเสี่ยงเสียชีวิตสูงที่สุด ทางกระทรวงสาธารณะสุขก็มีนโยบาย Save 608 by Booster”กระทรวงสาธารณะสุข เพื่อความปลอดภัยก่อนออกโครงการเพื่อเร่งรัดการให้ฉีดวัคซีน เข็มกระตุ้น ซึ่งพบว่าผู้เชื้อเสียชีวิตจากโควิดสูงถึง 7.5 % และหากล้มป่วยหนักอาจเสียชีวิตถึง 41 เท่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดที่จุดบริการฉีดวัคซีนฯ “ณ ศูนย์การค้าแลนด์มาร์ค-มหาชัย” ต.มหาชัย อ.เมืองฯ ในความดูแลโรงพยาบาลสมุทรสาคร นำโดยนายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผอ.รพ.สมุทรสาคร ได้ประชาสัมพันธ์ว่า จนท.ได้เริ่มเสริมการให้บริการวัคซีนวัคซีนโควิด-19 เพิ่มขึ้นมาเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 65 โดยระบุว่า ล่าสุดได้ประกาศกรณีขยายเวลาบริการฉีดวัคซีนไปจนถึง (วันที่ 12 เมษายน 2565) แบบไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ทั้งเข็มที่ 1-2-3 และ 4 เข็มกระตุ้น ซึ่งในการนี้หากใครที่ฉีดครบกำหนดในเข็มใดๆ ก็สามารถมารับวัคซีนได้โดยไม่ต้องจอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้มี 7 โรคประจำตัว ตลอดจนหญิงมีตั้งครรภ์ โดยล่าสุดในวันที่ 8 เมษายนนี้ มีการฉีดให้ในระหว่างเวลา 8.00 น.- 15.00 น. ส่วนกลุ่มที่ครบกำหนดมีได้มีนัดไว้ประมาณ 2,000 คน ทั้งนี้รายใดหากจะไปร่วมรับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 หรือ 4 นั้น ก็สามารถเลือกไปรับวันอื่นได้เพื่อแก้ปัญหาผู้คนแออัด
"ในส่วนเด็กที่อายุ 5-11 ปีนั้น จะเป็นการนัดผ่านจากทางโรงเรียนต่างๆ โดยเป็นวัคซีนชนิดไฟเซอร์ อย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้สำหรับมาตรการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือสกัดการแพร่ระบาดในห้วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 จึงได้ขยายเวลาบริการไปจนถึง 12 เมษายน 2565 ในระหว่างเวลา 8.30 -15.00 น.”
ด้าน นพ.สุริยะ คูหะรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้รายงานสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด -19 โอไมครอนในระยะนี้มีการระบาดเข้าในกลุ่มของผู้สูงวัยอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมากขึ้น ซึ่งปรากฏว่า ส่วนหนึ่งคือกลุ่มคนที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน และไม่ได้ฉีดวัคซีนไม่ถึง 3 เข็ม เป็นเหตุให้มีโอกาสต่อการเสียชีวิตสูงเมื่อติดเชื้อ ซึ่งสำหรับส่วนหนึ่งของสมุทรสาคร พบผู้ป่วย 60 กว่ารายที่เสียชีวิต นั้นจัดอยู่ในกลุ่ม 607 แทบทั้งสิ้น ทั้งนี้จึงฝากเรียนพี่น้องร่วมใจกันนำผู้สูงวัยดังกล่าวในฐานะกลุ่มที่มีโรคประจำตัว (7 โรค) ดังนี้ มีโรคทางเดินหายใจ, โรคหัวใจ, หลอดเลือดตีบ, โรคไตวาย, โรคอ้วน, มะเร็ง และเบาหวาน นำออกมารับวัคซีนเพื่อให้ทั่วถึงก็เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายแข็งแรงต่อไป”