จากการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม โดย สมาคมโรงแรมไทย ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2565 มีอัตราการเข้าพักใกล้เคียงกับเดือนกุมภาพันธ์ แม้บรรยากาศการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนและความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยในภาพรวมมีแรงสนับสนุนจาก 1.มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐ 2. การผ่อนคลายมาตรการ Test & Go และ 3. อัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์โอมิครอน รุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ยังมีรายได้ในระดับต่ำ ซึ่งข้อมูลสรุปผลสำรวจในเดือน มีนาคม 2565 โรงแรม 79% เปิดกิจการปกติ เพิ่มขึ้นจากเดือน กุมภาพันธ์ ที่ 72% หลังมีการผ่อนคลายมาตรการ Test & Go ในเดือน มีนาคม ทั้งนี้ โรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวมีสัดส่วนราว 2% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมที่ปิดมามากกว่า 1 ปี และคาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการ อีกครั้งอย่างเร็วตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2565 เป็นต้นไป โดยเดือน มีนาคม 65 โรงแรมส่วนใหญ่ยังมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ ใกล้เคียงเดือน กุมภาพันธ์ 65 โดยโรงแรมที่รายได้กลับมาไม่ถึง 30% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด-19 ยังมีสัดส่วนราว 50% และโรงแรมที่รายได้กลับมาแล้วเกินครึ่งหนึ่งยังมีสัดส่วนเพียง 19% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ ขณะที่อัตราการเข้าพักเดือน มีนาคม 65 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 33% ใกล้เคียงเดือน กุมภาพันธ์ 65 ที่ 34% โดยมีแรงสนับสนุนจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 การผ่อนคลายมาตรการ Test & Go และการแพร่ระบาดที่รุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือน และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวในภาพรวม โดยโรงแรมในภาคใต้และภาคเหนือมีอัตราการเข้าพักลดลงจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งจากผลของไฮซีซั่นที่ทยอยหมดลง สำหรับอัตราการเข้าพักในเดือน มีนาคม 65 ยังคงใกล้เคียงเดือนปัจจุบัน เร่งปลดล็อคดึงนทท. อย่างไรก็ตาม ลูกค้าหลักของโรงแรมในเดือน มีนาคม 65 ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยเป็นลูกค้าท่องเที่ยวทั่วไปชาวไทย 65% และลูกค้าท่องเที่ยวทั่วไปชาวต่างชาติ 47% ตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้ายุโรปตะวันตก และเอเชียเป็นหลัก ขณะที่ลูกค้ารัสเซีย และยุโรปตะวันออกมีสัดส่วนลดลงเกือบครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเดือนก่อน จากผลกระทบความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเป็นสำคัญ ซึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้เศรษฐกิจท่องเที่ยวพลิกฟื้นในปี 2565 คือ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยการปลดล็อกผ่อนคลายมาตรการการเดินทางอย่างเร็วที่สุด เพื่อลดการสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยว และยังเป็นการเพิ่มโอกาสการแข่งขันของประเทศไทย ซึ่งรูปแบบมาตรการที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ คือ ตรวจ ATK ครั้งเดียวในวันที่เดินทางมาถึงประเทศไทย หากผลเป็นลบก็สามารถไปเที่ยวได้ทุก ๆ ที่ หากมีผลเป็นบวกก็ส่งรักษาตามกระบวนการ และการยกเลิกไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) รวมถึงประกันภัยเพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล จากการติดเชื้อโควิด-19 โดยเร็ว ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีมาตรการการรับนักท่องเที่ยวที่เข้มข้น เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียนปรับลดมาตรการควบคุมการเดินทาง ขณะที่กลุ่มประเทศในภูมิภาคยุโรปมีแนวโน้มยกเลิกมาตรการควบคุมที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเลือกไปท่องเที่ยวที่อื่นแทน จะส่งผลต่อรายได้ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสแข่งขันจากการท่องเที่ยว บั่นทอนกำลังซื้อลูกค้า รวมถึงสถานการณ์เงินเฟ้อ ในประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก ที่มีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้น ประกอบกับเหตุการณ์ความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่ม ผู้ประกอบการเตรียมปรับราคาสินค้าและบริการ อาจบั่นทอนกำลังซื้อและทำให้การบริโภคของผู้มีรายได้ในแต่ละกลุ่มแตกต่างกัน นักท่องเที่ยวอาจชะลอการเดินทางจากต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงขึ้น และหากแนวโน้มความขัดแย้งยืดเยื้อจะส่งผลทางตรงต่อนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางมาประเทศไทยในช่วงที่เหลือของปี ภาคธุรกิจโรงแรมยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม ผ่านช่องทางนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอการเดินทางเป็นหลัก หรือคิดเป็น 50% ของผู้ตอบแบบสำรวจ รองลงมา คือ ลูกค้ายกเลิกการจองห้องพัก 25% และปัญหาการทำธุรกรรมทางการเงิน 12% ตามลำดับ ขณะที่บางส่วนได้รับผลกระทบส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบ/ราคาสินค้าที่สูงขึ้น และการปิดเส้นทางบิน ปัจจุบันมีโรงแรมกว่า 90% เห็นลูกค้ายกเลิกการจองห้องพักแล้ว ยกเว้นโรงแรมในภาคอีสานที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า ส่วนหนึ่งจากผลกระทบความขัดแย้งฯ อย่างไรก็ดี ส่วนใหญ่เป็นการยกเลิกการจองน้อยกว่า 25% ของยอดจองทั้งหมด