หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้ออกมาตรการแก้หนี้ระยะยาวในเดือนก.ย.64 ยังพบว่าลูกหนี้ยังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจึงได้ออกมาตรการสนับสนุนการรีไฟแนนซ์ (refinance) และการรวมหนี้เพิ่มเติม เพื่อช่วยลดภาระให้กับลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดีหรือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
รีไฟแนนซ์ คือการปิดสินเชื่อจากเจ้าหนี้เดิมและย้ายไปใช้สินเชื่อของเจ้าหนี้ใหม่ที่ให้เงื่อนไขดีกว่าเช่น อัตราดอกเบี้ยถูกลง
1.มาตรการสนับสนุนการรีไฟแนนซ์
แบงก์ชาติออกมาตรการห้ามสถาบันการเงิน/ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับของแบงก์ชาติ เรียกเก็บ ค่าปรับจากการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนครบกำหนด (prepayment fee) ของสินเชื่อส่วนบุคคลหรือสินเชื่อรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเป็นการชั่วคราว จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนด
ค่าปรับจากการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนครบกำหนดคือ ค่าปรับที่ลูกหนี้ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ในกรณีที่ปิดสินเชื่อก่อนระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา โดยทั่วไปการรีไฟแนนซ์อาจไม่คุ้มค่า หากค่าปรับส่วนนี้สูงกว่าดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ประหยัดจากการรีไฟแนนซ์ได้
2.มาตรการสนับสนุนการรวมหนี้
แบงก์ชาติออกมาตรการให้สถาบันการเงินผ่อนปรนให้ลูกหนี้สามารถรวมหนี้ สินเชื่อบ้านและสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นเข้าด้วยกัน โดยขยายขอบเขตจากเดิมที่ดำเนินได้เฉพาะแบงก์เดียวกันให้สามารถรวมหนี้ข้ามแบงก์ได้ เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยและการผ่อนค่างวดให้แก่ลูกหนี้ในระยะยาว
การปรับโครงสร้างหนี้ด้วยวิธีการรวมหนี้ คือการรวมหนี้สินเชื่อบ้านกับสินเชื่อรายย่อยเพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยและการผ่อนค่างวด โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านไม่เพิ่มขึ้นจากเดิม และในส่วนของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อยอื่นๆกำหนดไม่เกินอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านภายหลังช่วงจัดรายการส่งเสริมการขาย (teaser rate) บวก 2% ต่อปี
รูปแบบการรวมหนี้มีแบบไหนบ้าง
การรวมหนี้แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ดังนี้
1.การรวมหนี้ภายในสถาบันการเงินเดียวกัน
2.การรวมหนี้ระหว่างสถาบันการเงิน โดยโอนหนี้บัตรจากธนาคารแห่งหนึ่งไปรวมกับหนี้บ้านของธนาคารอีกแห่งหนึ่ง หรือจะเป็นการโอนหนี้บ้านไปรวมกับหนี้บัตรก็ได้
3.การโอนหนี้บ้านและหนี้สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นไปรวมกันที่สถาบันการเงินแห่งใหม่ที่ลูกหนี้ไม่เคยมีหนี้ด้วยมาก่อน
ประโยชน์จากการรวมหนี้
1.อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อยลดลงเมื่อนำมารวมหนี้ ลูกหนี้จะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น
2.ชำระหนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะเหลือหนี้ก้อนเดียวและอัตราดอกเบี้ยอัตราเดียว
3ลูกหนี้ไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต หากเจรจารวมหนี้สำเร็จตั้งแต่ก่อนเป็นหนี้เสีย
ข้อควรรู้สำหรับลูกหนี้
1.ลูกหนี้สามารถรวมหนี้ได้ไม่เกินมูลค่าของหลักประกัน ทั้งนี้ หากยอดหนี้ของสินเชื่อรายย่อยสูงกว่ามูลค่าหลักประกันสามารถขอรวมหนี้บางส่วนได้
2.ลูกหนี้ต้องให้ความยินยอมเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อเจ้าหนี้ ยอดหนี้คงค้าง แก่ธนาคารที่ทำการรวมหนี้
3.ลูกหนี้อาจถูกพิจารณาปรับลดวงเงินส่วนที่นำไปรวมหนี้ เพื่อให้อยู่ในระดับที่ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการได้
ธปท.ได้อัพเดตรายชื่อสถาบันการเงินที่มีมาตรการรวมหนี้ ทั้งในธนาคารและต่างธนาคาร สามารถรวมหนี้สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อรายย่อย ประเภทอื่นเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยและการผ่อนค่างวดในระยะยาว โดยลูกหนี้สามารถติดต่อสถาบันการเงิน โดยตรงเพื่อสมัครเข้าร่วมมาตรการได้ที่ https://bit.ly/3Iphakn
สำหรับธนาคารที่สามารถรวมหนี้ในธนาคารเดียวกัน, รับโอนหนี้รายย่อยจากธนาคารอื่นมารวมกับสินเชื่อบ้าน และ รีไฟแนนซ์โดยรับโอนหนี้รายย่อยและสินเชื่อบ้านจากธนาคารอื่นได้ ทั้ง 3 ส่วน มีอยู่ทั้งสิ้น 12 แห่ง ประกอบด้วย
1. ธนาคารกรุงเทพ
2. ธนาคารกรุงไทย
3. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
4. ธนาคารกสิกรไทย
5. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
6. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย
7. ธนาคารทหารไทยธนชาต
8. ธนาคารทิสโก้
9. ธนาคารไทยพาณิชย์
10. ธนาคารยูโอบี
11. ธนาคารออมสิน
12. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
ส่วนธนาคารที่สามารถรวมหนี้ในธนาคารเดียวกัน และรับโอนหนี้รายย่อยจากธนาคารอื่นมารวมกับสินเชื่อบ้าน แต่ไม่สามารถรีไฟแนนซ์โดยรับโอนหนี้รายย่อยและสินเชื่อบ้านจากธนาคารอื่นได้มีอยู่ 1 แห่ง คือ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย)