ศบค.พบผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงเหลือ 21,088 ราย เสียชีวิต 91ราย ด้าน"นักไวรัสวิทยา"เผยจับตา"โอไมครอน BA.2" คล้ายสายพันธุ์"เดลต้า" น่ากังวลไวรัสแรงขึ้น
เมื่อวันที่ 5 เม.ย.65 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 21,088 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อในประเทศ 20,995 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 93 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.65 มีจำนวน 1,534,140 ราย หายป่วยกลับบ้าน 27,519 ราย ทำให้ยอดหายป่วยสะสม ตั้งแต่ 1 ม.ค.65 มีจำนวน 1,313,333 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 250,145 ราย และเสียชีวิต 91 ราย รวมเสียชีวิตสะสมตั้งแต่ ปี 2563-ปัจจุบัน จำนวน 25,603 ราย ส่วนจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,862 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 24 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 28.3
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กAnan Jongkaewwattanaระบุว่า ...ในขณะที่หลายคนกำลังให้ความสนใจกับไวรัสสายพันธุ์ลูกผสมอย่าง XE หรือ XJ ส่วนตัวผมสนใจกับไวรัส BA.2 สายพันธุ์ย่อยที่มีแนวโน้มสร้างความกังวลมากกว่าครับ ไวรัส BA.2 สายพันธุ์ย่อยนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ และ ไม่ใช่ตระกูล X เพราะไม่ได้เกิดจากการสลับสาย RNA ระหว่างสายพันธุ์ สายพันธุ์นี้เริ่มมีการตรวจพบครั้งแรกที่ประเทศแอฟริกาใต้ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และ ล่าสุดมีการพบที่ประเทศเดนมาร์กเมื่อสัปดาห์ก่อน
ไวรัสสายพันธุ์นี้เป็น BA.2 ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มที่หนามสไปค์ 2 ตำแหน่ง คือ L452R และ F486V โดยตำแหน่งทั้ง 2 อยู่ในบริเวณที่ไวรัสใช้จับโปรตีนตัวรับเพื่อเข้าสู่เซลล์ (RBD) ทั้งคู่ โดยเฉพาะตำแหน่ง L452R เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็น signature ของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า เชื่อว่า เป็นตำแหน่งหนึ่งที่ทำให้เดลต้ามีคุณสมบัติเป็นสายพันธุ์น่ากังวล (หนีภูมิ แพร่ไว และ ก่อโรครุนแรง)
การที่ BA.2 มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มไปเหมือนกับเดลต้า ทำให้มีคำถามว่าคุณสมบัติของ BA.2 ที่มีการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงไปจาก BA.2 ดั้งเดิมหรือไม่ การประเมินคร่าวๆด้วยข้อมูลในปัจจุบันพบว่า BA.2-L452R-F486V อาจมีแนวโน้มที่แพร่กระจายได้ดีกว่า BA.2 ปกติ ตัวเลขที่ระบบคำนวณออกมาได้จะประมาณ 30% ถ้ามีแค่ L452R อย่างเดียวก็จะดีกว่า BA.2 ปกติประมาณ 20% ซึ่งอาจจะบอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ขยับไปคล้ายเดลต้ามากขึ้น ช่วยให้ไวรัส Fit ขึ้น วิ่งไวขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของ BA.2 เกิดขึ้นไวมาก มาแบบหลายรูปแบบซึ่งแตกต่างจากโควิดรุ่นก่อนๆที่จะมาแบบสร้างตัวเด่นขึ้นมาเพียง 1 -2 รูปแบบ และขึ้นมาครองพื้นที่ แต่ BA.2 เหมือนจะมีตัวเข้าชิงแชมป์เยอะมากกว่านั้นมากครับ เช่น เมื่อ 3วันก่อน ที่ New York ก็พบไวรัส BA.2 ที่มีเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่ง 452 เหมือนกัน แต่เป็น L452Q ไปเกิดร่วมกับตำแหน่ง S704L ซึ่งได้ข่าวว่าวิ่งไวมากๆเช่นกัน ... ทำอะไรไม่ได้มากครับ ไวรัสไม่ game over ง่ายๆ ถ้าเราปล่อยให้ไวรัสเปลี่ยนได้ตามที่ต้องการแบบทุกวันนี้... วิธีการที่ดีที่สุดตั้งรับด้วยภูมิคุ้มกันและป้องกันตัวเองให้ดีที่สุดครับ