-คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือ กกร.หั่นจีดีพีปี 65 เหลือขยายตัว 2.5-4% หวั่นเงินเฟ้อพุ่งกระทบกำลังซื้อในประเทศ พร้อมชงต่ออายุโครงการคนละครึ่งและโครงการเราเที่ยวด้วยกันช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2565 รวมทั้งหากมีการยกเลิกมาตรการ Test & GO จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ในยามที่เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอื่นๆมีข้อจำกัด และจะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้เกิน 3%
-สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)เผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนก.พ.65 มีมูลค่า 23,483 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 16.2% อานิสงส์จากคำสั่งซื้อสินค้าทุกกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าที่มาจากช่วงปลายปี 64-ต้นปี 65 หรือช่วงก่อนเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน และคาดว่าในเดือนมี.ค.จะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 23,000-24,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดในไตรมาส 1/65 ส่งออกยายตัว 8% เนื่องจากมีการยืนยันคำสั่งซื้อไว้แล้วล่วงหน้า มองปี 65 โอกาสโตแตะ 5% พร้อมวอนรัฐลดค่าไฟยาวถึงสิ้นปีนี้ลดรายจ่าย
-คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการในการช่วยเหลือลดเงินสมทบนายจ้าง ผู้ประกันตนมาตรา 33 จากเดิมร้อยละ 5 เหลือฝ่ายละร้อยละ 1 ของค่าจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ปรับลดอัตราเงินสมทบ จากเดิมร้อยละ 9 (เดือนละ 432 บาท) เหลือร้อยละ 1.9 คิดเป็นเงินเดือนละ 91 บาท โดยเริ่มตั้งแต่งวดเดือนพ.ค.-ก.ค.65 สำหรับฝ่ายรัฐบาลยังส่งเงินสมทบในอัตราเดิมคือร้อยละ 2.75 ของค่าจ้างผู้ประกันตน โดยมาตรการลดเงินสมทบเพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนในยามเดือดร้อนจะส่งผลให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินสมทบที่ลดลง 1,000-1,800 บาทต่อคน รวมเป็นเงินประมาณ 18,085 ล้านบาท ไปใช้เพิ่มกระแสเงินสดให้ผู้ประกันตน มีสภาพคล่องมากขึ้น
-บรรยากาศหุ้นไทยวันนี้(5 เม.ย.) เคลื่อนไหวในแดนลบ โดยการซื้อขายยังเบาบางหลังตลาดหุ้นหลักในภูมิภาคอย่างจีน ไต้หวัน และฮ่องกงปิดทำการ ทำให้มูลค่าซื้อขายดูเงียบเหงา และนักลงทุนบางส่วนรอติดตามมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียระลอกใหม่ที่สหรัฐและยุโรปเตรียมออกเพิ่มเติม ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,701.18 จุด ลดลง 1.75 จุด หรือ 0.10% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 68,481.05 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอปิดที่ 659.81 จุด ลดลง 9.52 จุดหรือ 1.42% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11,616.85 ล้านบาท