เตือนตับพัง! ทั้งแบบเม็ด-น้ำ / ”คีโตโคนาโซล” ใช้กรณียาอื่นไม่ได้ผล นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า จากที่ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) แถลงเตือนภัยยาที่มีพิษต่อตับ โดยเฉพาะ คีโตโคนาโซล และพาราเซตามอล ซึ่งอย. แจ้งว่าจะทบทวนตั้งแต่ปี 57 แต่ยังไม่เสร็จนั้น อย.ไม่นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมามีคณะทำงานเฝ้าระวังพิจารณาตำรับยาต่างๆ อยู่แล้ว หากยากลุ่มไหนเสี่ยงหรือมีผลกระทบจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการทบทวนตำรับยาทันที ล่าสุดคณะอนุกรรมการพัฒนาฉลากและเอกสารกำกับยาให้ปรับปรุงข้อกำหนดแสดงฉลากเอกสารกำกับยา-คำเตือนยาพาราฯ โดยให้แก้ไขคำเตือนบนฉลากฯที่มีพาราฯเป็นส่วนประกอบ ทั้งยาเดี่ยว-สูตรผสมคือ ห้ามใช้ยาพาราฯเกินขนาดที่แนะนำในฉลากฯ เพราะจะป็นพิษต่อตับ ไม่ใช้ติดต่อกันเกิน 5 วัน , เลี่ยงใช้ร่วมกับยาอื่นที่มีพาราฯเป็นส่วนประกอบเพราะอาจได้รับยาเกินขนาด , หากดื่มสุราประจำเป็นโรคตับ-ไต ควรปรึกษาแพทย์-เภสัชกรก่อน กินยาแล้วหน้าบวม เปลือกตา ริมฝีปาก ลมพิษ หน้าผื่นแดง ตุ่มพอง ผิวหลุดลอก ให้หยุดยา-รีบปรึกษาแพทย์ ทั้งนี้ การให้แก้ไขจะมีผลบังคับภายใน 365วัน นับแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจาฯ หากไม่ปฏิบัติตาม จะถูกเพิกถอนทะเบียนตำรับยา ส่วนยาคีโตโคนาโซล ชนิดรับประทาน มีมติจำกัดข้อบ่งใช้ โดยให้ตัดข้อบ่งใช้สำหรับการติดเชื้อราแบบเฉพาะที่ และให้เพิ่มข้อความ “ใช้เฉพาะในกรณีที่รักษาด้วยยาต้านเชื้อราอื่นไม่ได้ผล หรือไม่สามารถทนต่อยาต้านเชื้อราตัวอื่น” เลขาฯอย.กล่าวว่า อย.เห็นถึงปัญหาการใช้ยาพาราฯเกินจำเป็นในไทยมาตลอด ที่ผ่านมาให้คณะทำงานศึกษา-ทบทวนข้อมูลขนาดยา วิธีใช้ ทั้งตำรับยาเดี่ยว-ยาผสมแล้ว เพื่อพิจารณาปรับขนาดยาให้เหมาะกับคนไทยและลดอันตรายจากการใช้ ซึ่งขอให้ปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาเคร่งครัด โดยพาราฯไม่กินเกินวันละ 8 เม็ด