30 มี.ค.2565 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลประเด็นนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ตามที่ตนได้มอบหมายให้ทุกองค์กรหลักและส่วนราชการต่าง ๆ ในสังกัด ศธ.ขับเคลื่อนงานตามนโยบายเร่งด่วน 5 เรื่อง ได้แก่ 1.พาน้องกลับมาเรียน ค้นหา ติดตามเด็กตกหล่นและออกกลางคันกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา , กศน.ปักหมุด เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาส 2.โรงเรียนคุณภาพ 3.อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ 4.ความปลอดภัยในสถานศึกษา และ 5.หนี้สินครู เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ภายใต้บริบทสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งการขับเคลื่อนทั้ง 5 เรื่องนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันดูแลผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาอย่างเต็มที่ จึงประสบผลสำเร็จ ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตนจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลประเด็นนโยบายเร่งด่วนตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการขึ้น ประกอบด้วย คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลประเด็นนโยบายเร่งด่วน ระดับเขตตรวจราชการ และคณะกรรมการประสานงานและบริหารจัดการ
ทั้งนี้คณะกรรมการอำนวยการ มีอำนาจหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน กำกับดูแลติดตามการปฏิบัติงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลประเด็นนโยบายเร่งด่วน ระดับเขตตรวจราชการที่ 1 – 18 และเขตตรวจราชการส่วนกลาง (กทม.) ให้บรรลุผลตามนโยบายของ ศธ.และปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย โดยมีมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน , เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน , เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา , เลขาธิการสภาการศึกษา , เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา , เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน , เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นกรรมการ มีหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรรมการและเลขานุการ รวมถึงเป็นประธานคณะกรรมการประสานงานและบริหารจัดการด้วย
“สำหรับคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลประเด็นนโยบายเร่งด่วน ระดับเขตตรวจราชการ โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ทั้ง 12 คน เป็นประธานกรรมการ ซึ่งแบ่งตาม 18 เขตตรวจราชการที่แต่ละคนดูแลอยู่ มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการลงพื้นที่ติดตาม ประเมินผล และสื่อสารสร้างความเข้าใจใน 5 นโยบายเร่งด่วน โดยมีศึกษาธิการภาค และผู้แทนส่วนราชการที่รับผิดชอบนโยบายดังกล่าว ร่วมเป็นคณะกรรมการ และมีสำนักตรวจราชการและติดตามประเมินผล สป.ศธ. เป็นฝ่ายเลขานุการ ซึ่งดิฉันได้เน้นย้ำว่าการลงพื้นที่ต้องมีรูปแบบการติดตามที่หลากหลายที่เน้นสภาพจริง และไม่เป็นทางการ เพื่อไม่เป็นภาระกับหน่วยงานในพื้นที่ การติดตามต้องเป็นแบบกัลยาณมิตร และรายงานผล กระชับ ตรงประเด็น รวดเร็วเพื่อสะท้อนสภาพปัจจุบันและแก้ปัญหาได้ตรงจุด ตลอดจนมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อนำไปสู่การสนับสนุน ส่งเสริมและแก้ปัญหามายังกระทรวงศึกษาธิการ” นางสาวตรีนุช กล่าว
นางสาวตรีนุช กล่าวด้วยว่า ในระยะแรกตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ คณะกรรมการฯ จะลงพื้นที่ติดตามประเมินผล 5 ประเด็นนโยบายเร่งด่วน โดยมีการติดตามและรายงานผลการติดตามจำนวน 2 ครั้ง คือ หลังเทศกาลสงกรานต์ และก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เพื่อได้ข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการดำเนินการโครงการให้มีประสิทธิภาพและทันเปิดเรียนในเดือนพฤษภาคมนี้