ผู้ว่าฯสุรินทร์ ยืนยัน พร้อมเป็นจังหวัดนำร่องโควิดโรคประจำถิ่นเริ่ม 1 เมษายน นี้ พร้อมผุดไอเดีย Welcome D’ Home โดยให้คนที่เข้ามาในจังหวัดได้ดื่มน้ำต้มยำสมุนไพรใส่กระชาย ทุกเช้า 3 วัน เย็น 3 วัน วันละประมาณ 100-150 ซีซี พร้อมๆ กับยาฟ้าทะลายโจร เช้า 2 เม็ด เย็น 2 เม็ด ไปจนสิ้นเทศกาลสงกรานต์
นายสุวพงษ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวถึงการเตรียมการให้จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดนำร่องให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ในวันที่ 1 เมษายน 2565 นี้ ว่า ประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จังหวัดได้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานการเร่งรัดฉีดวัคซีนเพิ่มให้ผู้ที่ยังไม่ฉีด จากรายงานล่าสุดได้ฉีดไปแล้วประมาณ 50,000 คน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 46,000 คน ซึ่งเกินเป้า ทำให้หลักเกณฑ์หลักผ่านแล้ว ในส่วนผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็มีไม่มาก มีค้างอยู่ประมาณ 2,800 คน และนอนโรงพยาบาลประมาณ 1,700 คน ส่วนหลักเกณฑ์อื่นๆ จังหวัดได้เตรียมการไว้แล้ว และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป จะส่งเรื่องไปยังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเสนอ ศบค.กลางต่อไป
อย่างไรก็ตามนอกจากหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่จังหวัดสุรินทร์ได้ดำเนินการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแล้ว ยังมีสิ่งที่จังหวัดจะดำเนินการเพิ่มเติมที่จะสามารถป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ไม่ให้เข้ามาในจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป จะรณรงค์กิจกรรม Welcome D’ Home โดยให้คนที่เข้ามาในจังหวัดได้ดื่มน้ำต้มยำสมุนไพรใส่กระชาย ทุกเช้า 3 วัน เย็น 3 วัน วันละประมาณ 100-150 ซีซี พร้อมๆ กับยาฟ้าทะลายโจร เช้า 2 เม็ด เย็น 2 เม็ด ไปจนสิ้นเทศกาลสงกรานต์ โดยจะมีการประชาสัมพันธ์ไปยังทุกพื้นที่พร้อมกันในการประชุมกรมการจังหวัด วันที่ 30 มีนาคม นี้