เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 มีนาคม 2565 พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี ได้รับแจ้งมีเหตุแทงกัน มีผู้เสียชีวิต บริเวณหน้าร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าริมถนน ภายในซอยบางปลา 43 ตำบลบางปลา อ.บางพลี สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วย พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
โดยในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้าน พบร่างนายปิยะพล (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ชาวลพบุรี ซึ่งเป็นพนักงานของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า นอนหมดสติ ไม่มีชีพจร เจ้าหน้าที่ทำการช่วยเหลือปั้มหัวใจอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล สภาพมีแผลถูกแทงด้วยของมีคมใต้รักแร้ และสีข้างด้านซ้าย ใกล้กันพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังคุมตัว นายณภัทร (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ชาวนครราชสีมา พนักงานร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ พร้อมของกลาง อาวุธมีดปลายแหลม ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร และไขขวงปลายแหลม ภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ก่อเหตุ เดินคุยโทรศัพท์ไปมาบริเวณหน้าร้านในมือซ้ายถือมีดอยู่ ก่อนวางโทรศัพท์แล้วเดินไปคุยกับผู้ตายที่ข้างร้าน ก่อนเข้าไปใช้อาวุธในมือแทงกันอยู่พักใหญ่โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม ก่อนผู้ตายล้มลงไปนอนกับพื้น ส่วนผู้ก่อเหตุถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว
จากการสอบถาม นายณภัทร ผู้ต้องหา ให้การอ้างว่า ตนเองป้องกันตัวเท่านั้น โดยยอมรับมีเรื่องกับผู้ตายจริง ส่วนที่แทงผู้ตายนั้นตนเองไม่ได้แทง แต่จังหวะที่ตนเองถือมีดไว้ป้องกันตัว ผู้ตายได้วิ่งเข้ามาจะทำร้ายตนเองก่อนจึงถูกมีดแทงเข้าที่ตัว ขณะวิ่งสวนมา ซึ่งคำให้การ ของนายณภัทร กลับพบว่าขัดแย้งกับภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวผู้ต้องหารายนี้ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.บางพลี
พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี เปิดเผยเบื้องต้นในเรื่องนี้ว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว นายณภัทร (ผู้ก่อเหตุ) และนายปิยะพล (ผู้ตาย) เป็นพนักงานร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเหมือนกัน โดยจากการสอบสวนทราบว่าทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมงานกันแต่ทำงานกันคนละร้าน ที่ผ่านมาเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน จนถึงขั้นใช้อาวุดมาข่มขู่กัน สาเหตุมาจากการแย่งรถวิ่งส่งสินค้าให้กับลูกค้า จนกระทั่งทั้งสองได้โทรนัดมาพูดคุยกันที่ร้านอีกครั้งในวันนี้ซึ่งต่างฝ่ายต่างเตรียมอาวุดพอมาเจอหน้ากัน จึงเปิดฉากเข้าทำร้ายร่างกายกัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้คุมตัวนายณภัทร (ผู้ก่อเหตุ) มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.บางพลี ส่วนร่างผู้เสียชีวิตมอบให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


