ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์. รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง จากนั้นได้ประชุมเพื่อคลี่คลายคดีคนร้ายกลุ่มนายจำรัส รักจันทร์ หรือ ฉุย เขาจันทร์ พร้อมนายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวกองปราบ ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง กับ พล.ต.ต.ตานิตน์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง และ พ.ต.ต.จำเริญ อินทร์แก้ว หน.ชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานงานตำรวจแห่งชาติ
ด้าน พล.ต.อ.สุชาติฯ กล่าวว่า หลังจากที่ชุดสอบสวน สืบสวนของทุกฝ่ายได้ร่วมกันสอบปากคำนายฉุย รักษ์จันทร์ ในเบื้องต้นนายฉุยฯ ได้รับสารภาพว่าเป็นคนขับรถในวันก่อเหตุ โดยพาผู้ร่วมกันกระทำความผิดก่อเหตุในการอาวุธปืนสงคราม และอาวุธปืนที่เกี่ยวข้องยิง ตร.กองปราบ และยิงต่อสู้กับตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุ โดยในเบื้องต้นนายฉุยฯให้การว่าเขาเป็นเพียงคนขับรถ แต่ไม่ได้ใช้อาวุธปืนยิงตำรวจแต่อย่างใด ถึงแม้ว่านายฉุยฯเป็นเพียงผู้ขับรถยนต์โดยไม่ได้ยิงต่อสู้กับตำรวจ ก็เป็นการกระทำความผิดในฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นอยู่แล้ว
ในส่วนของกรณีที่จะมีผู้อื่นเข้ามาช่วยเหลือนายฉุยฯในการหลบหนีหรือไม่นั้น ในเบื้องต้นยังไม่ปรากฎพบ แต่ทาง ตร.ก็จะขยายผลจากการซักถามและรวบรวมพยานหลักฐานจากคำให้การ และจะต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะอาวุธปืนที่นำมาใช้ก่อเหตุในวันเกิดเหตุ ซึ่งในขณะนี้ ตร.ชุดสืบสวน ภ.จว.พัทลุง ได้ร่วมกันตรวจยึดอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ และอาวุธปืนที่ยังมีการซ่อนที่เป็นของนายฉุย ฯ แต่ไม่นำมาใช้ในวันเกิดเหตุ เป็นอาวุธปืน เอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืน อาก้า จำนวน 2 กระบอก ภายใน 2-3 วันนี้
ขณะที่ ฉุย เขาจันทร์ ยืนยันไม่ได้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพียงแต่ขับรถยนต์เก๋งเท่านั้น ส่วนบริเวณที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงปะทะกับนายวัชระ ฯ นั้น ที่เสียชีวิต นั้น ตนเองก็ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เนื่องจากแยกย้ายกันไปก่อนหน้านั้น ทางตำรวจได้นำตัว นายจำรัส รักจันทร์ หรือ ฉุย เขาจันทร์ พร้อมนายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน กลุ่มผู้ต้องหาไปทำแผนในสถานที่เกิดเหตุมีด้วยกัน 4 จุด โดยจุดแรกเป็นจุดที่นายฉุย ฯพวก อีก 3 คน คืนนายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน นายพงศ์กร สุวรรณมะโณ หรือ นายเจ นายเกรียงไกร ชัยพูล หรือนายหนึ่ง และนายวัชระ รันตสุวรรณ์ ( ที่เสียชีวิต ) นั่งอยู่บริเวณศาลาหลังบ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 9 ตำบลนาโหนด อำเภอเมืองพัทลุง พร้อมเจ้าของบ้าน และอาวุธปืนสงครามจำนวน 2 กระบอก เพื่อมาเป็นผู้ใหญ่สู่ขอหญิงสาวให้กับหลายชายของนายฉุย ฯ แต่ขณะนั่งอยู่ เห็นรถยนต์ผิดสังเหตุขับมาบริเวณหลังวัดบ่วงช้าง ต.นาโหนด อ.เมือง จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้ขึ้นรถยนต์เก๋ง ซึ่งมีนายฉุย ฯ เป็นคนขับ และเมียนั่งเบาะหน้ามาด้วย ส่วน นายนายเกรียงไกร ชัยพูล หรือนายหนึ่ง นั่งด้านหลัง ขณะที่นายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน นายพงศ์กร สุวรรณมะโณ หรือ นายเจ ขึ้นรถยนต์กระบะ และนายวัชระ รันตสุวรรณ์ ( ที่เสียชีวิต ) ขับขี่รถยนต์เก๋งสีบอร์น ออกจากบ้านดังกล่าวทันที่ แต่ขณะออกจากบ้าน รถเห็นผิดสังเหตุแต่แรก โดยไม่ทราบว่าเป็นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ โดนรถตำรวจตามประกบ
สำหรับจุดที่ 2 นายฉุย ฯขับรถยนต์เก๋งได้ไล่ตามรถยนต์ที่ยิงเข้าใส่กลุ่มของตนเอง แล้วประกบโดยให้นายนายเกรียงไกร ชัยพูล หรือนายหนึ่ง นั่งด้านหลัง ยิงใส่คันดังกล่าว โดยไม่ทราบว่าเป็นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ จากนั้นคันที่ฉุย ฯ ขับ และนายรวย ขับ ได้หลบหนีไปทางบริเวณข้างวัดท่าควาย หมู่ที่ 14 ตำบลโคกม่วง จุดที่ 3 เป็นจุดที่นายฉุย ฯ ส่งมอบอาวุธปืนขนาด .357 ให้กับนายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน และแยกย้ายหลบหนี จุดที่ 4 ขณะหลบหนีนั้นนายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน นายพงศ์กร สุวรรณมะโณ หรือ นายเจ ขับรถยนต์กระบะ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด และทิ้งรถยนต์ซึ่งยิงจนยางระเบิดไว้ ที่บริเวณหน้าคอกหมู หมู่ที่ 14 ตำบลโคกม่วง อำเภอเขาชัยสน ได้แยกย้ายกันหลบหนีพร้อมฝังอาวุธปืนสั้น และอาวุธปืนสงคราม ไว้บริเวณใกล้เคียง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยึดไปแล้ว
ทั้งนี้ รถยนต์เก๋งที่มี นายวัชระ รันตสุวรรณ์ ขับขี่นั้น( ผู้ที่เสียชีวิต ) ได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวมาทางตรงเพื่อออกถนนสายเอเชีย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเบียดให้หยุด จนกระมีการใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นายและบาดเจ็บอีก 1 นาย
โดยคดีดังกล่าวนี้ ทางด้าน พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จ.พัทลุง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการการสอบสวนในคดีดังกล่าว เพื่อดำเนินสอบสวนหาผู้กระทำความผิดของ จนท.ตำรวจที่เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ จากการป้องกันตนเองและยิงต่อสู้กับผู้อื่น โดยมี พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทน์ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งผู้กระทำความผิดก็จะถูกดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกันทั้ง 2 ฝ่าย เบี้องต้นนายฉุย ฯ และพวก ถูกตั้งข้อกล่าวว่า ยิงต่อสู้เจ้าเหน้าที่ตำรวจ ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และร่วมกับพวกพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ในส่วนของกรณีที่จะมีผู้อื่นเข้ามาช่วยเหลือนายฉุยฯในการหลบหนีหรือไม่นั้น ในเบื้องต้นยังไม่ปรากฎพบ แต่ทาง ตร.ก็จะขยายผลจากการซักถามและรวบรวมพยานหลักฐานจากคำให้การ และจะต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะอาวุธปืนที่นำมาใช้ก่อเหตุในวันเกิดเหตุ ซึ่งในขณะนี้ ตร.ชุดสืบสวน ภ.จว.พัทลุง ได้ร่วมกันตรวจยึดอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ และอาวุธปืนที่ยังมีการซ่อนที่เป็นของนายฉุย ฯ แต่ไม่นำมาใช้ในวันเกิดเหตุ เป็นอาวุธปืน เอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืน อาก้า จำนวน 2 กระบอก ภายใน 2-3 วันนี้
ขณะที่ ฉุย เขาจันทร์ ยืนยันไม่ได้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพียงแต่ขับรถยนต์เก๋งเท่านั้น ส่วนบริเวณที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงปะทะกับนายวัชระ ฯ นั้น ที่เสียชีวิต นั้น ตนเองก็ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เนื่องจากแยกย้ายกันไปก่อนหน้านั้น ทางตำรวจได้นำตัว นายจำรัส รักจันทร์ หรือ ฉุย เขาจันทร์ พร้อมนายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน กลุ่มผู้ต้องหาไปทำแผนในสถานที่เกิดเหตุมีด้วยกัน 4 จุด โดยจุดแรกเป็นจุดที่นายฉุย ฯพวก อีก 3 คน คืนนายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน นายพงศ์กร สุวรรณมะโณ หรือ นายเจ นายเกรียงไกร ชัยพูล หรือนายหนึ่ง และนายวัชระ รันตสุวรรณ์ ( ที่เสียชีวิต ) นั่งอยู่บริเวณศาลาหลังบ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 9 ตำบลนาโหนด อำเภอเมืองพัทลุง พร้อมเจ้าของบ้าน และอาวุธปืนสงครามจำนวน 2 กระบอก เพื่อมาเป็นผู้ใหญ่สู่ขอหญิงสาวให้กับหลายชายของนายฉุย ฯ แต่ขณะนั่งอยู่ เห็นรถยนต์ผิดสังเหตุขับมาบริเวณหลังวัดบ่วงช้าง ต.นาโหนด อ.เมือง จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้ขึ้นรถยนต์เก๋ง ซึ่งมีนายฉุย ฯ เป็นคนขับ และเมียนั่งเบาะหน้ามาด้วย ส่วน นายนายเกรียงไกร ชัยพูล หรือนายหนึ่ง นั่งด้านหลัง ขณะที่นายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน นายพงศ์กร สุวรรณมะโณ หรือ นายเจ ขึ้นรถยนต์กระบะ และนายวัชระ รันตสุวรรณ์ ( ที่เสียชีวิต ) ขับขี่รถยนต์เก๋งสีบอร์น ออกจากบ้านดังกล่าวทันที่ แต่ขณะออกจากบ้าน รถเห็นผิดสังเหตุแต่แรก โดยไม่ทราบว่าเป็นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ โดนรถตำรวจตามประกบ
สำหรับจุดที่ 2 นายฉุย ฯขับรถยนต์เก๋งได้ไล่ตามรถยนต์ที่ยิงเข้าใส่กลุ่มของตนเอง แล้วประกบโดยให้นายนายเกรียงไกร ชัยพูล หรือนายหนึ่ง นั่งด้านหลัง ยิงใส่คันดังกล่าว โดยไม่ทราบว่าเป็นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ จากนั้นคันที่ฉุย ฯ ขับ และนายรวย ขับ ได้หลบหนีไปทางบริเวณข้างวัดท่าควาย หมู่ที่ 14 ตำบลโคกม่วง จุดที่ 3 เป็นจุดที่นายฉุย ฯ ส่งมอบอาวุธปืนขนาด .357 ให้กับนายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน และแยกย้ายหลบหนี จุดที่ 4 ขณะหลบหนีนั้นนายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน นายพงศ์กร สุวรรณมะโณ หรือ นายเจ ขับรถยนต์กระบะ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด และทิ้งรถยนต์ซึ่งยิงจนยางระเบิดไว้ ที่บริเวณหน้าคอกหมู หมู่ที่ 14 ตำบลโคกม่วง อำเภอเขาชัยสน ได้แยกย้ายกันหลบหนีพร้อมฝังอาวุธปืนสั้น และอาวุธปืนสงคราม ไว้บริเวณใกล้เคียง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยึดไปแล้ว
ทั้งนี้ รถยนต์เก๋งที่มี นายวัชระ รันตสุวรรณ์ ขับขี่นั้น( ผู้ที่เสียชีวิต ) ได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวมาทางตรงเพื่อออกถนนสายเอเชีย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเบียดให้หยุด จนกระมีการใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นายและบาดเจ็บอีก 1 นาย
โดยคดีดังกล่าวนี้ ทางด้าน พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จ.พัทลุง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการการสอบสวนในคดีดังกล่าว เพื่อดำเนินสอบสวนหาผู้กระทำความผิดของ จนท.ตำรวจที่เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ จากการป้องกันตนเองและยิงต่อสู้กับผู้อื่น โดยมี พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทน์ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งผู้กระทำความผิดก็จะถูกดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกันทั้ง 2 ฝ่าย เบี้องต้นนายฉุย ฯ และพวก ถูกตั้งข้อกล่าวว่า ยิงต่อสู้เจ้าเหน้าที่ตำรวจ ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และร่วมกับพวกพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ