เล่นเอาสะดุ้ง “หลวงตาซุซ” พระนักเทศน์ชื่อดัง จ.บุรีรัมย์ เดินสายเทศทั้งไทยต่างประเทศ โพสต์เฟสวอนวัยรุ่นหยุดส่งยาบ้าหน้าวัด อ้างเส้นใหญ่ใช้รถติดตราโล่มหาดไทย อำเภอรุดตรวจสอบแต่หลวงตาไม่ยอมบอกวัยรุ่นที่พูดเป็นใครกลัวไม่ปลอดภัย
วันนี้(24 มี.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อว่า “Such NaNa โพสต์ข้อความว่า “กราบเท้าวัยรุ่นบ้านเสม็ด ไปส่งยาบ้าที่อื่นเถอะ อย่าส่งยาหน้าวัดโคกคฤห์ เลย รู้ว่าท่านเส้นใหญ่ใช้รถตรามหาดไทยส่งยา" ก็สร้างความฮือฮาในโลกโซเชียล มีคนเข้าไปสอบถามรายละเอียดจากผู้โพสต์ และแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว คือ พระมหานรินธร ปสันโน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงตาซุซ” ปัจจุบันเป็นพระวัดป่าโคกคฤห์ ต.ป่าชัน อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังวัดป่าโคกคฤห์ดังกล่าว ก็ได้พบกับพระมหานรินธร หรือหลวงตาซุซ อยู่ที่วัด
ซึ่งจากการสอบถามหลวงตาซุซ ก็ยอมรับเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวจริง สาเหตุสืบเนื่องมาจากตั้งแต่ที่มาสร้างวัดป่าแห่งนี้ เมื่อปี 2551 ก็มีเจ้าหน้าที่มาขอตรวจค้นยาเสพติด และไม้พะยูงที่วัดบ่อยมาก เนื่องจากมีชาวบ้าน และพระสงฆ์ด้วยกัน ไปร้องเรียนกล่าวหาว่าหลวงพ่อค้ายาบ้า แต่พอตรวจกี่ครั้งก็ไม่เจออะไร เพราะหลวงพ่อไม่เคยมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย อย่างมากก็แค่สูบบุหรี่เท่านั้น แต่พอมีการกล่าวหาบ่อยๆ ทำให้ส่งผลกระทบกับตัวหลวงพ่อ เพราะจากที่เคยรับกิจนิมนต์ไปเทศ หรือบรรยายธรรมตามงานต่างๆ เดือนละหลายงาน เพื่อนำปัจจัยที่ได้จากความศรัทธาของญาติโยมมาสร้างบูรณะวัด เพราะว่าวัดป่าแห่งนี้สร้างจากอุดมคติ ไม่มีการเรี่ยไร ไม่มีกฐิน หรือผ้าป่า สร้างจากเงินเทศน์ถวายเป็นพุทธบูชา พอมีคนกล่าวหาและนำไปวิพากษ์วิจารณ์กันว่าหลวงพ่อค้ายาบ้า ก็ทำให้คนนิมนต์ไปเทศน์หรือบรรยายธรรมในไทยน้อยลง ดังนั้น ส่วนใหญ่จะได้ปัจจัยจากการเดินสายไปเทศน์ที่ต่างประเทศมาบูรณะวัดมากกว่า ปัจจุบันก็กำลังสร้างกุฏิ
แต่พอช่วงที่กลับจากไปเทศน์ที่ต่างประเทศ ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาค้นวัด ค้นรถ อีกทั้งยังมีรถไม่ติดป้ายทะเบียนโดยที่ไม่รู้ว่ารถใครมาวนเวียนที่วัดตลอด บางครั้งก็มีคนลงมาถ่ายรูปแล้วก็กลับเป็นแบบนี้มาตลอด บางครั้งก็ขับรถเข้ามาในวัดมีการโทรศัพท์พูดคุยนัดเจอกัน ก็รู้สึกทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเข้าไปถามวัยรุ่นคนหนึ่งที่ชอบเข้ามาเล่นในวัด “ถามจริงเอ็งขายยาบ้าหรือไม่ ซึ่งวัยรุ่นคนนั้นก็ตอบว่าครับผมขาย ก็ถามต่อว่าแล้วเอ็งไม่กลัวเหรอ เขาก็ตอบว่าไม่กลัว แล้วไปรับยาบ้าไปยังไง เขาก็บอกว่าก็ผมมีตราของมหาดไทยติดหน้ารถไปขนยาตำรวจไม่ค้น จึงได้โพสต์เฟสตามที่ปรากฏ จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาถามหลวงตาที่วัด ว่ารู้จักเด็กคนนั้นมั๊ย หลวงพ่อก็บอกว่ารู้จักแต่ให้ชื่อไม่ได้ เพราะถ้าบอกชื่อไปก็กลัวเรื่องความปลอดภัย เพราะแค่นี้ก็ถูกกล่าวหาว่าขายยาบ้าจนทำให้เดือดร้อนเสียหาย ส่วนที่เด็กวัยรุ่นอ้างว่าใช้รถติดตรามหาดไทยไปส่งยาบ้านั้น หลวงพ่อก็ไม่รู้ว่าเขาซื้อตรามาใส่เองเพื่อแอบอ้าง หรือเป็นรถทางราชการจริงหรือไม่ เพราะหลวงพ่อไม่ได้เห็น เพียงแค่วัยรุ่นคนดังกล่าวพูดอาตมาก็โพสต์ไปตามนั้น
แต่ยืนยันว่าอาตมาไม่เคยมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายตามที่ถูกกล่าวหาอย่างแน่นอน แต่เป็นการกลั่นแกล้งจากวงจรการพระสงฆ์ด้วยกัน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามที่ที่ว่าการอำเภอพลับพลาชัย ก็ได้พบกับ นายปิยะณัฐ กระจ่างจิตร์ ปลัดอำเภอประจำตำบลป่าชัน ก็ให้ข้อมูลว่า หลังจากหลวงตาได้โพสต์ข้อความดังกล่าว ทั้งนายรัฐศาสตร์ พลแสน ปลัดอำเภอ(เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) รักษาราชการนายอำเภอพลับพลาชัย พร้อมนายภาณุ ชาญประโคน ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง , นายปิยะณัฐ กระจ่างจิตร์ ปลัดอำเภอประจำตำบลป่าชัน , นายวิทยา สายดวง กำนันตำบลป่าชัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พลับพลาชัย ก็ได้ลงพื้นที่ไปยังวัดป่าโคกคฤห์ดังกล่าว เพื่อสอบถามรายละเอียดจาก พระมหานรินธร ปสันโน
หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงตาซุซ” ซึ่งเป็นพระที่โพสต์เฟสดังกล่าว ก็ให้ข้อมูลว่า ไม่ได้เห็นกับตาว่ามีรถตรามหาดไทยมาส่งยาหน้าวัดแต่อย่างใด เพียงแต่ได้ยินวัยรุ่นที่มาเล่นแถววัดพูดคุยว่าใช้โลโก้ตรามหาดไทยติดหน้ารถในการไปรับยาในต่างพื้นที่ และหลวงตาซุซ ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าวัยรุ่นคนที่พูดเป็นใครชื่ออะไร กล่าวเพียงว่าชาวบ้านแถวนี้ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหล่ะ จึงได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ไว้หากพบเห็นวัยรุ่นหรือบุคคลมีพฤติกรรมในลักษณะกระทำผิดกฎหมายจะได้แจ้งข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ได้ทันที แต่หลวงตาซุซ ก็ไม่ขอรับไว้ บอกเพียงว่าตนไม่ชอบโทรศัพท์ เพราะปวดหูเวลาโทร รักษาการนายอำเภอจึงกำชับทางผู้นำช่วยสอดส่องดูแลวัดดังกล่าว และได้รายงานข้อมูลให้ทางจังหวัดทราบ




