นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การดำเนินงาน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ออก 10 มาตรการ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนรวมถึงผู้ใช้แรงงาน หนึ่งในนั้นคือการลดเงินสมทบประกันสังคมเพื่อช่วยเหลือนายจ้าง ผู้ประกอบการ และพี่น้องผู้ประกันตน โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และสถานการณ์สงครามระหว่างประเทศรัสเซีย และยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิต และบริการของทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามสำนักงานประกันสังคมพร้อมร่วมดำเนินการ ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งช่วยเหลือพี่น้องผู้ประกันตนในยามเดือดร้อนในสถานการณ์ดังกล่าวที่จะส่งผลให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินสมทบที่ลดลงไปใช้เพิ่มกระแสเงินสดให้ผู้ประกันตนมีสภาพคล่องมากขึ้น หากลูกจ้างผู้ประกันตนติดเชื้อต้องรักษาตัวไม่สามารถประกอบอาชีพได้ทำให้ขาดรายได้ อีกทั้งมาตรการดังกล่าวจะเป็นการ ลดปัญหาทางการเงินของผู้ประกันตน ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นช่วยแบ่งเบาลดภาระต้นทุนที่สูงขึ้นและเพิ่มสภาพคล่องให้กับนายจ้าง เพิ่มศักยภาพในการรักษาการจ้างงานส่งผลให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง เงินสมทบที่ลดลงมากกว่า 30,000 ล้านบาทจะกลายเป็นเม็ดเงินที่นำมาใช้จ่ายช่วยหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ต่อไป
สำหรับประเด็นของการลดเงินสมทบ จะมีผลกระทบเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในระยะยาวนั้น ตนขอเรียนว่ากองทุนประกันสังคมมีเงินสำรองสามารถนำมาบริหารสภาพคล่องได้ในระยะยาว และที่ผ่านมาสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานได้พิจารณาการลงทุน โดยนักลงทุนมืออาชีพอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่พี่น้องผู้ประกันตนที่เป็นเจ้าของเงินกองทุนร่วมกัน และได้มีการเปิดเผยข้อมูลผลตอบแทนของกองทุนฯ ให้ทราบทั้งรายปีและรายไตรมาสผ่านทางเว็บไซต์ สปส. www.sso.go.th โดยการลงทุนมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งผลการบริหารกองทุนประกันสังคม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ดอกผลสะสมจากการลงทุนกว่า 8.34 แสนล้านบาท จึงขอให้พี่น้องผู้ประกันตนทุกท่านเชื่อมั่นในเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมว่ามีเพียงพอต่อการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนในระยะยาวอย่างแน่นอน รวมถึงไม่กระทบกับบำนาญที่จะได้รับในอนาคต
นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย และประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน ในฐานะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณและติดตามการใช้งบประมาณประกันสังคม กล่าวถึงการลดเงินสมทบประกันสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนพี่น้องแรงงานจากสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนที่ออกมานั้นว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกันตนส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเดือนละประมาณ 9,000 ล้านบาท จ่ายเงินบำนาญประมาณ 3,000 ล้านบาท ที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 1.8 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันในปี 2564 ที่ผ่านมา ประกันสังคมได้ดอกเบี้ย และผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 70,000 ล้านบาท จึงขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจได้ว่ามาตรการดังกล่าว ไม่กระทบต่อเงินชราภาพของผู้ประกันตนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบเงินสะสมกรณีชราภาพ ตามช่องทางผ่านเว็บไซต์ สปส. www.sso.go.th หรือที่ sso connect และทางแอพพลิเคชั่นไลน์ @ssothai สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ สายด่วน 1506 ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ