วันที่ 19 มี.ค.65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 4 และมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนเข้าร่วม โดยมี นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นพ.ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ สำหรับจัดงานในครั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขในการสนับสนุนกัญชา-กัญชงสู่การนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่และมีความพร้อมในการดำเนินงานได้อย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยเขตสุขภาพที่ 4 มีสถานที่ปลูกกัญชา-กัญชงได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายแล้วในทุกจังหวัด รวม 87 แห่ง และมีโรงงานสกัดกัญชงใหญ่ที่สุดเป็นแห่งแรกที่ได้รับอนุญาตในประเทศ คือ บริษัท R&B food supply จำกัด (มหาชน) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งมีโรงพยาบาลรพ.เสาไห้ เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.สระบุรี ที่ได้มาตรฐานGMP ผลิตยาศุขไสยาสน์ สนับสนุนคลินิกกัญชาทางการแพทย์ทั้ง 8 จังหวัด จำนวน 118 แห่ง และขยายลงสู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องดูแลระยะประคับประคองที่บ้าน นอกจากนี้ยังพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยนำไปผสมในอาหารขึ้นชื่อประจำจังหวัดเช่นก๋วยเตี๋ยวเรือกัญชา ขนมไทยเสน่ห์จันทร์ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
การประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ และมหกรรม “ปลดล็อก กัญชา กัญชง สร้างสุขภาพ สร้างรายได้” เขตสุขภาพที่ 4 จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม ณ เดอะฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้ 1.คลินิกกัญชาทางการแพทย์ บริการจ่ายยากัญชาทางการแพทย์ จ่ายยาสมุนไพร 2.มหกรรมกัญชา กัญชง ชิมก๋วยเตี๋ยวเรือกัญชา คลองจิก ขนมไทยผสมกัญชาเช่น เสน่ห์จันทร์ เลือกชมและซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากผลิตภัณฑ์กัญชง และลานฝึกปฏิบัติ ผลิตภัณฑ์จากกัญชา เช่น บะหมี่กัญชา ชากัญชา ยาหม่องกัญชา 3.ประชุมวิชาการ ในหัวข้อการปลูกกัญชาต้องเตรียมการอย่างไร,ปั้นธุรกิจกัญชาระดับประเทศ,ความก้าวหน้างานวิจัยด้านกัญชาทางการแพทย์
โดยการจัดงานในครั้งจัดขึ้น ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุม การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (COVID-19) เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่จัดงาน หมั่นล้างมือ โดยผู้เข้าร่วมงานต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และต้องมีประวัติการได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ต้องได้รับการตรวจ ATK ก่อนเข้างาน พร้อมมีประวัติการได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม


