วันที่ 18 มี.ค.65 ที่ บช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. และ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น./ รองโฆษก บช.น. กล่าวถึง กรณีวันที่ 18 มี.ค.2565 มีการนัดรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมฯ จำนวน 4 กลุ่ม กลุ่มที่พักค้างแรมมีจำนวน 1 กลุ่ม คือ กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) บริเวณใต้ด่วนพระราม 6 ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมฯ ในจุดอื่นๆมี 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มทะลุฟ้า บริเวณ สน.บางขุนนท์ เวลา 09.00 น.2) กลุ่มสมาพันธ์แรงงานแท็กซี่ไทย บริเวณธนาคารแห่งประเทศไทย เวลา 08.00 น. และ 3) กลุ่มผู้ชุมนุมฯชาวยูเครน และแนวร่วม บริเวณสถานทูตรัสเซีย เวลา 14.00 น. ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อเข้าดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมฯ ดังกล่าว โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมาย และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
สำหรับการปฏิบัติเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2565 กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.), กลุ่มสมาคมผู้ประกอบการรถตู้ บริเวณกระทรวงคมนาคม และ กลุ่มผู้ชุมนุมฯชาวยูเครน บริเวณหน้าสถานทูตรัสเซีย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย การดำเนินการทางกฎหมาย ตั้งแต่เดือน ก.ค.2563 จนถึงปัจจุบันมี คดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมฯ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 829 คดี ขณะนี้ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้องไปแล้ว 476 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน 353 คดี
ขณะที่ในช่วงเช้าวันนี้ (18 มี.ค.65) เวลาประมาณ 09.00 น. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนท์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “หมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา” สืบเนื่องจากศาลอาญาตลิ่งชันได้ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.65 กรณีไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก โดยมีเพื่อนร่วมพรรคการเมืองและผู้ชุมนุมฯ กลุ่มทะลุฟ้า ประมาณ 50 คน มาร่วมสังเกตการณ์ ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมฯ ได้ใช้รถเครื่องเสียงปราศรัยบริเวณ สน.บางขุนนท์ หลังจากนั้นในเวลา 09.30 น. พนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ ได้นำตัว นายรังสิมันต์ โรม ส่งต่อพนักงานอัยการศาลอาญาตลิ่งชัน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมฯ กลุ่มทะลุฟ้าได้ติดตามไป และใช้รถเครื่องเสียงปราศรัยด่าทออย่างต่อเนื่อง บริเวณหน้าสำนักงานอัยการศาลอาญาตลิ่งชัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับข้อห่วงใย บช.น. ขอย้ำเตือนไปยังผู้ที่คิดก่อเหตุความไม่สงบ และผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมฯ โดยผิดกฎหมายว่า หากมีการก่อเหตุสร้างความเสียหายสร้างความเดือดร้อนในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวทุกราย และขอแจ้งเน้นย้ำว่าขณะนี้แม้กรุงเทพมหานคร จะถูกปรับให้เป็นพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวแล้วก็ตาม แต่การชุมนุมฯ หรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรคนั้น ยังคงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 42) ลงวันที่ 21 ม.ค.2565, ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 14 ลงวันที่ 1 พ.ย.2564 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ จึงขอความร่วมมือประชาชนงดการร่วมกิจกรรมการชุมนุมฯ ต่างๆ เพื่อความสงบสุขและความปลอดภัยโดยรวมของประเทศชาติและประชาชน