จากมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย – ยูเครน ประมาณ 6-7 พันคน ที่ติดค้างในประเทศไทยในกรณีที่นักท่องเที่ยวถูกระงับ การทำธุรกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะบัตรเครดิต ที่ไม่สามารถใช้งานได้ โดยมีการหารือกันหลายฝ่าย ทั้งสมาคมโรงแรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการเข้าไปช่วยเหลือจนกว่าจะมีข้อยุติเรื่องปัญหาของ 2 ประเทศนี้ รวมถึงขบวนกานตั้งรับกับผลกระทบที่เกิดขึ้นถ้าสงครามยังคงยืดเยื้อ มีมาตรการดูแลนักท่องเที่ยว ในเรื่องนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)ได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและชาวยูเครนที่ติดค้างในประเทศไทย ดังนี้ 1. ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมต่อวีซ่าให้กับชาวรัสเซียและยูเครน 2. หาที่พักชั่วคราวให้กับนักท่องเที่ยวที่ตกค้างในระหว่างรอเครื่องบินจากรัสเซียส่งมารับ 3. หาช่องทางให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียสามารถจ่ายค่าที่พักและอาหารให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ ภายหลังจากที่มีปัญหาไม่สามารถใช้ Visa และ Mastercard ได้ โดยให้ปรับมาใช้ UnionPay ของจีนแทน 4. การแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายของผู้ติดเชื้อชาวรัสเซียและยูเครน เนื่องจากโรงพยาบาลเริ่มไม่แน่ใจว่าประกันสุขภาพที่นักท่องเที่ยวจาก 2 ชาติที่ได้ซื้อมายังรับประกันอยู่หรือไม่ ทำให้โรงพยาบาลเรียกเก็บเงินมัดจำ จึงจะเสนอให้ ครม. หาทางช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม เพราะบางคนไม่สามารถจ่ายเงินได้ ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่ นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงผลกระทบจากวิกฤตความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ว่า ด้วยตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซีย ซึ่งเป็นตลาดหลักติดอันดับท็อป 10 ของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยในปี 2556 มีนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากที่สุด จำนวน 1.7 ล้านคนและในปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนวิกฤตโควิด มีนักท่องเที่ยวรัสเซีย จำนวน 1.48 ล้านคน คิดเป็นรายได้โดยประมาณ 96,200 ล้านบาท แต่นับจากเดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นมา มีนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้าประเทศไทยสะสมมากเป็นอันดับ 1 จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทั้งหมด (พ.ย. 64-28 ก.พ. 65) จำนวน 63,249 ราย (ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, Thailand Pass) คิดเป็นรายได้โดยประมาณ 4,100 ล้านบาท แต่จากข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (ศปก.กก.) ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 เริ่มเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวรัสเซียรายวันลดลง จากที่เคยเดินทางเฉลี่ยประมาณ 700 คนต่อวัน ถือเป็นอันดับ 1 และ 2 มาโดยตลอด ลดลงเหลือ 378 คน อย่างไรก็ตาม นายฉัททันต์ กล่าวว่า สำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวรัสเซีย เริ่มต้นตั้งแต่ฤดูหนาวปลายปีจนถึงราวสิ้นเดือนมีนาคมของทุกปี โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัว นิยมท่องเที่ยวหาดทราย ชายทะเล และแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ นิยมกิจกรรมจับจ่ายใช้สอย ชอบผลไม้ไทย อาหารไทย และอัธยาศัยไมตรีของคนไทย โดยเวลานี้ ททท.กำลังหารือกับภาคเอกชนเพื่อหาทางช่วยบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงติดตามสถานการณ์ของรัสเซียและยูเครน รวมทั้งประเทศคู่แข่งเพื่อประเมิน และปรับแนวทางการทำตลาดอย่างใกล้ชิด เตรียมหาตลาดใหม่ทดแทน ด้าน นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา ได้กล่าวถึง แผนงานภายใน 5 ปีนับจากนี้ คือปี 2565-2569 ตั้งเป้าจำนวนโรงแรมเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100 แห่ง ทั้งในไทยและต่างประเทศหรือเฉลี่ยประมาณปีละ 20 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการรับจ้างบริหารจัดการ ประมาณ 90 แห่ง และที่เหลือเป็นโครงการของ บริษัทฯ เอง โดยมีทั้งการลงทุนเองและการร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่น ในเบื้องต้นจากการวิเคราะห์ในภาพรวมตลาดโรงแรมและการท่องเที่ยวน่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในกลางปี 2565 นี้ตามลำดับ หลังจากที่ต้องได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มา 2 ปีกว่าแล้วทั่วโลก แต่เมื่อมาเจอสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน จึงทำให้ต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไปอีกว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกรณีสงครามที่เกิดขึ้นนี้ โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย เพราะช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่นของตลาดรัสเซียพอดี แต่ในตลาดอื่นๆ ของโรงแรมในเครือมีสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ เช่น ที่ ดูไบ กับ มัลดีฟส์ที่มีอัตราการเข้าพัก 100% ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวรัสเซียมีไม่มาก เช่นที่ มัลดีฟส์มีประมาณ 7% เท่านั้น แต่หลักๆ คือตลาดนักท่องเที่ยวชาวอินเดียมากกว่า 50% ดังนั้นในการแก้ปัญหาระยะสั้นกรณีสงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครนนั้นในเครือเซ็นทาราเองคงต้องมองหาตลาดใหม่มาทดแทนตลาดรัสเซีย เช่น ตลาดอินเดียที่มีมากกว่า 50% หรือกรณีที่ประเทศจีนเตรียมเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้าวิกฤตโควิดชาวจีนเข้าไทยมากกว่า 10 ล้านคน หรือกว่า 30% ของนัก ท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาประเทศไทยในแต่ละปี