จากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้บาหลีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 6.2 ล้านคนในปี 2562 และ 1.05 ล้านคนในปี 2563 จนปี 2564 เหลือเพียง 45 คน อย่างไรก็ตามหลังจากฝ่ายบริหารจังหวัดบาหลีได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย กระทรวงท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์อินโดนีเซีย กระทรวงต่างประเทศ และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโควิด-19 เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินนโยบายยกเลิกการกักตัวนักเดินทางต่างชาติที่เดินทางเข้าจังหวัดบาหลีทางเครื่องบินหรือทางเรือ และออก Visa On Arrival หรือการขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองแก่นักเดินทางต่างชาติจาก 23 ประเทศ โดย นางสาว ณัฐินีฐิติ ภิญญาปิญชาน์ ผู้แทนภาคพื้นการท่องเที่ยวอินโดนีเซียประจำประเทศไทยและอินโดจีน ได้มาสะท้อนแผนการทำงานได้อย่างน่าสนใจ
เปิดบาหลีรับชาวต่างชาติ
ในเรื่องนี้ นางสาว ณัฐินีฐิติ ภิญญาปิญชาน์ ผู้แทนภาคพื้นการท่องเที่ยวอินโดนีเซียประจำประเทศไทยและอินโดจีน กล่าวว่า การเปิดบาหลีรับนักเดินทางต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวครั้งนี้ คาดการณ์ว่า จะมีนักเดินทางต่างชาติเดินทางเข้าบาหลีเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดเมื่อต้นปี 2565 บาหลีครองแชมป์เป็นอันดับ 1 ของแหล่งท่องเที่ยวในเอเชียที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกค้นหามากที่สุดและอยากไปเยือนมากที่สุดจากการผลสำรวจโดย Tripadvisor
ซึ่งการยกเลิกการกักตัวนักเดินทางต่างชาติที่เดินทางเข้าจังหวัดบาหลีทางเครื่องบินหรือทางเรือ และจะออก Visa On Arrival หรือการขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองแก่นักเดินทางต่างชาติจาก 23 ประเทศ รวมถึงนักเดินทางชาวไทย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องได้รับวัคซีนครบโดสและทำการทดสอบ PCR ก่อนการเดินทาง เมื่อเดินทางมาถึง และ ในวันที่ 3 ของการเดินทางสามารถเดินทางไปเยือนในจังหวัดอื่นๆได้เมื่อครบ 4 วันที่บาหลี
ยังไม่มีสายการบินตรงเดินทาง
ทั้งนี้ นางสาว ณัฐินีฐิติ กล่าวว่า ผู้ที่ต้องการเดินทางไปบาหลี ขณะนี้ยังไม่มีเที่ยวบินตรงจากไทย มีเพียง 2 สายการบินที่เปิดบินตรงสู่กรุงจาการ์ตา ได้แก่ สายการบินการูด้าอินโดนีเซีย เปิดเที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 14.10 น. และเที่ยวบินตรงจาการ์ตา-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 09.45 น. ในขณะที่สายการบินไลอ้อน แอร์ พร้อมเปิดเที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 6.30 น. และเที่ยวบินตรงจาการ์ตา-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 11.30 น. ในราคาพิเศษเริ่มต้น 4,000 บาท/เที่ยวบิน โดยเริ่มเที่ยวบินปฐมฤกษ์ในวันที่ 10 มีนาคมนี้
ขณะเดียวกันจะมีการออก Visa on Arrival ให้นักเดินทางต่างชาติจาก 23 ประเทศ ได้แก่ ไทย, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, กาตาร์, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, แคนาดา, อิตาลี, นิวซีแลนด์, ตุรกี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, บรูไน, เวียดนาม, ลาว, เมียนมา, กัมพูชา และฟิลิปปินส์ โดยมีค่าธรรมเนียม Visa on Arrival คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,520 บาท
หลักฐานที่ต้องแสดงเมื่อเข้าประเทศ
อย่างไรก็นางสาว ณัฐินีฐิติ กล่าว่า จากการประเมินที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 7 มีนาคม 2565 บาหลีมีอัตราการฉัดวัคซีนมากที่สุดในอินโดนีเซียคิดเป็นร้อยละ 86.7 จากประชากร 4.3 ล้านคน ในขณะเดียวกันได้ยกระดับมาตรการสาธารณสุขขั้นสูงสุดด้านความสะอาด สุขภาพอนามัย ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม CHSE - Cleanliness, Health, Safety and Environment แก่ 8 กลุ่มประเภทธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรมและที่พัก ภัตตาคาร/ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ยานพาหนะ สนามบิน ห้างสรรพสินค้า สนามกอล์ฟ และร้านค้าของที่ระลึก ในเกาะบาหลีทั้งหมดอีกด้วย
ทั้งนี้ ชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าบาหลีแบบไม่ต้องกักตัวต้องแสดงหลักฐานด้านสุขภาพดังต่อไปนี้ 1. หลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดส/วัคซีนเข็มกระตุ้น 2. มีผลตรวจโควิด-19 แบบ PCR เป็นลบก่อนเดินทางจากประเทศต้นทาง 3. เอกสารการจองโรงแรมและชำระเงินเต็มจำนวนอย่างน้อย 4 วันในจังหวัดบาหลี 4. รับการตรวจโควิด-19 แบบ PCR เมื่อเดินทางถึงจังหวัดบาหลี ซึ่งหากมีผลตรวจเป็นลบ ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วบาหลี แต่หากมีผลตรวจเป็นบวก จะต้องแยกกักตัวในโรงแรมตามที่ทางการบาหลีกำหนด ส่วนผู้สูงอายุต่างชาติที่มีผลตรวจเป็นบวกและมีอาการป่วยโรคอื่นร่วมด้วยจะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากนี้ ในวันที่ 3 ที่เดินทางถึงบาหลี นักเดินทางต่างชาติต้องตรวจโควิด-19 อีกครั้ง หากผลเป็นลบจะสามารถเดินทางไปพื้นที่อื่นๆ นอกบาหลีในวันที่ 4 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ชาวต่างชาติจะต้องทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ด้วย