วันที่ 9 มีนาคม จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนให้ตรวจสอบการใช้ประโยชน์หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เก็บสาร บีที ใช้กำจัดแมลงดำหนามในสวนมะพร้าว มูลค่า 32.8 ล้านบาท ในหอประชุมใกล้โรงเรียนอนุบาลจังหวัด และทราบว่ามีการเก็บสารเคมีชนิดเดียวกันอีกมูลค่า 24 .7 ล้านบาท กองในเมรุร้าง ที่วัดนาหูกวาง อ.ทับสะแก จนหมดอายุการใช้งาน หลังจากเมื่อปีงบประมาณ 2555 มีการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินเพื่อจัดซื้อสาร บีที สำหรับกำจัดแมลงในสวนมะพร้าว แต่กรมวิชาการเกษตรมีหนังสือด่วนที่สุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2555 แจ้งว่าบริษัทคู่สัญญาในการจัดซื้อกับหน่วยงานในจังหวัดได้นำสินค้าที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร ไม่ได้แจ้งเพื่อดำเนินการผลิต จึงไม่สามารถนำมาจำหน่ายกับทางราชการได้ ทำให้การระบาดของหนอนหัวดำเมื่อหลายปีก่อนส่งผลกระทบกับผลผลิตมะพร้าวในจังหวัด เป็นสาเหตุทำให้รัฐบาลต้องนำเข้าจากต่างประเทศหลายแสนตัน
“ ทราบว่าบริษัทเอกชนผู้จำหน่ายได้นำสินค้าทั้งหมดเก็บไว้ล่วงหน้าในหอประชุมอำเภอเมืองและวัดนาหูกวาง แต่หลังจากทางราชการยังไม่เบิกจ่ายงบจัดซื้อ จึงมีการร้องต่อศาลปกครองกระทั่งศาลสั่งให้ทางราชการชนะคดี แต่สินค้าทั้งหมดไม่ได้เคลื่อนย้ายออกไปจากสถานที่ราชการและวัด ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้นานเกือบ 10 ปี มีการล้อมรั้วลวดหนาม มีปิดประกาศเป็นเขตห้ามเข้า ขณะที่การจัดซื้อที่ อ.เมือง และ อ.ทับสะแกมี 2 บริษัทใช้ชื่อต่างกัน แต่มีฉลากสินค้าชนิดเดียวกัน มีที่ตั้งในสถานที่เดียวกัน “ จ่าเอกเสกสรรค์ กล่าว
จ่าเอกเสกสรรค์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ในขณะนั้น ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งหาวิธีการกำจัดสารดังกล่าวเพื่อไม่ให้มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมกับเมืองท่องเที่ยว ไม่ควรมีขยะพิษเก็บไว้ใจกลางเมือง หอประชุมอำเภอควรนำมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า ไม่ควรปล่อยให้เอกชนใช้เก็บวัตถุอันตราย และจะต้องเรียกค่าใช้จ่ายในการสารพิษไปทำลายจากบริษัทที่นำสารบีทีมาเก็บไว้ แต่หลังจากนั้นยังไม่มีความคืบหน้า
“ จากการตรวจสอบย้อนหลังในปีงบประมาณ 2553 -2554 พบว่ามีใช้เงินทดรองราชการจากการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ( ปภ.) จัดซื้อซื้อสารบีทีกว่า 193,577,000 บาท แจกจ่ายให้เกษตรกร แต่ไม่มีหน่วยงานใดให้การรับรองสินค้า ซึ่งจะต้องสอบถามรายละเอียดจากกรมวิชาการเกษตรว่าเหตุใดมีการทักท้วงในเดือนสิงหมาคม 2555 “จ่าเอกเสกสรรค์ กล่าว และว่า จากนั้นทำหนังสือสอบถามสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิที่ 12 จ.เพชรบุรี ภายหลังสอบข้อเท็จจริงในการจัดซื้อสารบีที ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 -2554 วงเงิน 193,577,000 บาท มีข้อสรุปในการทุจริตหรือไม่ หลังจากผ่านไปเกือบ 10 ปี


