วันที่ 8 มี.ค.65 เวลา 10.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ผบก.น.6 พ.ต.อ.เกียรติกุล สนธิเณร รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.กก.สส.บก.น.6 พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.สน.พระราชวัง โดย พ.ต.ท.เสกสรรค์ ชุ่มแจ่ม รอง ผกก.สส.สนพระราชวัง พ.ต.ท.นิรุติ พุทธิมา สว.สอบสวน สน.พระราชวัง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวังและ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.6 ได้ร่วมกันจับกุมนายยามาชิตะ โซริ อายุ 32 ปี อายุ 32 ปี สัญชาติ ญี่ปุ่น จับกุมได้บริเวณทางเท้า ถนนศิริพงษ์ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลาประมาณ 00.45 น.ของวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา
พร้อมด้วยของกลาง เอกสารใบรับรองทองคำ ออกโดยร้านห้างทองทองสวย จำนวน 3 ใบ ลงวันที่ 7/3/2565 เวลา 13.31, 13.37, 13.43 น. อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีดำใบที่ผู้ต้องหาคาดตัวอยู่
ของกลางลำดับที่ 2,3 ผู้ต้องหานำพาไปตรวจค้นที่ ห้องพักเลขที่ 182 ชั้น 7 อาคาร The Reserve ซ.สุขุมวิท 61 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร และทองคำแท่งน้ำหนัก 65 บาท ทองคำแท่งน้ำหนัก 20 บาท จำนวน 2 แท่ง น้ำหนัก 10 บาท จำนวน 2 แท่ง น้ำหนัก 5 บาท จำนวน 1 แท่ง มูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท ที่บริเวณหัวเตียง เสื้อผ้าการแต่งกายที่ใช้ในการก่อเหตุ กางเกง พบบริเวณเตียงนอน,เสื้อ พบบริเวณตะกร้าหน้าห้องนอน และรองเท้า พบบริเวณประตูทางเข้า
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มี.ค. เวลาประมาณ 13.51 น. ผู้เสียหาย พร้อมด้วย ล่ามชาวไทย อายุ 29 ปี ได้นัดติดต่อกับนายยามาชิตะ โซริ ผู้ต้องหา เพื่อซื้อขายทองคำแท่งน้ำหนัก 65 บาท มูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท ทองคำแท่งน้ำหนัก 20 บาท จำนวน 2 แท่ง น้ำหนัก 10 บาท จำนวน 2 แท่ง น้ำหนักหนัก 5 บาท จำนวน 1 แท่ง โดยนัดพบที่ร้านเพชรสวย ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ห้างดิโอลสยาม แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เพื่อว่าจ้างให้ร้านเพชรสวย ตรวจสอบและออกใบรับรองทองคำให้ตามเอกสารใบรับรองทองคำ ออกโดยร้านห้างทองทองสวย (ร้านเพชรสวย) จำนวน 3 ใบ ลงวันที่ 7/3/2565 เวลา 13.31, 13.37, 13.43 น. เมื่อตรวจสอบทองคำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายยามาชิตะ โซริได้หยิบเอาทองคำทั้งหมด พร้อมกับใบรับรองทองคำจำนวน 3 ใบ วิ่งหนีออกจากห้างดิโอลสยามไป ผู้เสียหายจึงพบพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น. 6 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้สืบสวนติดตามคนร้ายมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 มี.ค.65 เวลาประมาณ 00.45 น. จึงได้พบผู้ต้องหาเดินอยู่ที่บริเวณทางเท้า ถนนศิริพงษ์ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ มีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามชื่อและขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง
จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางเป็นบุคคลเดียวกับผู้ต้องหาจริง และมีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่ผู้เสียหายได้แจ้งไว้ จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหามาที่ห้องสืบสวน สน.พระราชวัง และทำการตรวจค้นตัวโดยก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ผู้ต้องหาดูจนเป็นที่พอใจแล้ว ผู้ต้องหายินยอมให้ตรวจค้น จึงได้ทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ เอกสารใบรับรองทองคำ ออกโดยร้านห้างทองทองสวย (ร้านเพชรสวย) จำนวน 3 ใบ ลงวันที่ 7/3/2565 เวลา 13.31, 13.37, 13.43 น. ตามรายการของกลางลำดับที่ 1 อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีดำใบที่ผู้ต้องหาคาดตัวอยู่ จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามถึงทองคำที่ผู้ต้องหาวิ่งราวไป ผู้ต้องหาให้การว่า นำไปซ่อนไว้ที่ ห้องพักเลขที่ 182 ชั้น 7 อาคาร The Reserve ซ.สุขุมวิท 61 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ และยินยอมจะพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นเพื่อตรวจยึดไว้เป็นของกลาง โดยในการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาโดยตลอดและมีหลักฐานตามสมควรว่ากระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี และมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจขอให้ศาลออกหมายจับบุคคลนั้นได้ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 66 (2) และมาตรา 78(3)
ต่อมาเวลา 03.23 น. ผู้ต้องหาได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยล่ามไปตรวจค้นที่ ห้องพักเลขที่ 182 ชั้น 7 อาคาร The Reserve ผลการตรวจค้นพบ ทองคำแท่งน้ำหนัก 65 บาท ทองคำแท่งน้ำหนัก 20 บาท จำนวน 2 แท่ง น้ำหนัก 10 บาท จำนวน 2 แท่ง น้ำหนักหนัก 5 บาท จำนวน 1 แท่ง ที่บริเวณลิ้นชักหัวเตียง ตามของกลางรายการที่ 2 และตรวจค้นพบกางเกง บริเวณเตียงนอน และพบเสื้อที่บริเวณตะกร้าหน้าห้องนอน และรองเท้าวางอยู่บริเวณประตูทางเข้า
จากการสอบสวนแล้วผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้เอาทองคำดังกล่าวมาอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาจริง โดยอ้างว่าทางผู้เสียหายคนไทยได้ทำธุรกิจร่วมกับตนเอง ซึ่งทำธุรกิจค้าขายทองนำทองจากลาวมาแปรรูปและขายในประเทศไทย แต่จากการตรวจสอบเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาน่าจะทำเป็นขบวนการและอาจเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับแก๊งยากูซ่าที่ประเทศญี่ปุ่น เดินทางเข้าออกประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 3 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า “วิ่งราวทรัพย์หรือรับของโจร” โดยมีทำหน้าที่เป็นล่าม อ่านให้ผู้ห้องหาฟัง