การ แต่งตั้งโยกย้ายทหารชั้นนายพล กลางปีของปีนี้ แม้จะดูเงียบเชียบ แต่ทว่าเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว อย่างเข้มข้น ทั้งใน บก.ทัพไทย กองทัพบก และ โดยเฉพาะ กองทัพเรือ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นัดให้ ผบ.เหล่าทัพส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย นัดแรก เมื่อวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2565 และกำหนดส่งกลาโหม ภายใน 15 ก.พ. แต่กลับต้องมีการเลื่อน เนื่องจากในส่วนของกองทัพบก และกองทัพเรือ ต้องมีการแก้ไข จึงเพิ่งรวบรวมส่งให้ กลาโหม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในส่วนของทบ. มีการแก้ไขโผหลัง “บิ๊กหมึก” พล.ท. มานัสชัย ศรีประจันทร์ เจ้ากรมกำลังพลทหารบก เสียชีวิตคาตำแหน่ง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 22 ของ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และปัญหาความไม่ลงตัว ในกองทัพภาค1 ที่ทำให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ตัดสินใจ ไม่ให้มีการขยับใดๆ จากเดิมที่ “แม่ทัพโต” พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาค 1 เสนอ ชื่อ “บิ๊กหลอด” พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ (ตท.24) รองแม่ทัพภาค1 ขึ้นเป็น พลโท เพราะเป็นรองแม่ทัพ มา 1 ปี 6 เดือนแล้ว หากไม่ได้พลโท ในโยกย้ายครั้งนี้ อาจจะไม่ได้เป็น พลเอก ก่อนเกษียณ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จึงพิจารณา ให้ขึ้น เป็นรองเสนาธิการทหารบก และทำให้ รองแม่ทัพภาค 1 ว่างลง จนมีข่าวว่า พล.ท.สุขสรรค์ เสนอชื่อ “บิ๊กรุ่ง” พล.ต.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ (ตท.26)รองแม่ทัพน้อย1 สายบูรพาพยัคฆ์ ขึ้น รองแม่ทัพภาค 1 แทน เพื่อทำให้เกิดการโยกย้ายน้อยที่สุด โดยยังไม่เอาระดับผู้บัญชาการกองพลขึ้นมา แต่เป็นที่รู้กันในทบ. ว่า การแข่งขัน ระหว่าง นายทหาร ตท.26-ตท.27 และ ตท.27 กับ ตท.28 มีสูง แถมแกนนำรุ่นแต่ละคน ก็มีแบ็ค แข็งๆ ทั้งสิ้น ในระดับ ผู้บัญชาการกองพลนั้น หากรุ่นไหน ขึ้นรองแม่ทัพภาค 1 ก่อน ก็จะได้เปรียบ เรื่องอาวุโส และมี แคนดิเดท ที่เหมาะสม หลายคน โดยเฉพาะ “บิ๊กใหญ่” พล.ต.อมฤต บุญสุยา (ตท.27)ผบ.พล.ร.2 รอ. น้องรักสายทหารเสือราชินี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่จ่อจะขยับขึ้นรองแม่ทัพภาค 1 เพื่อเข้าไลน์ สู่แม่ทัพภาค 1 ในอนาคต จนมีการเสนอให้ ขยับ รองแม่ทัพภาค1 อีกคนหนึ่ง คือ “บิ๊กรุณ” พล.ต.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ขึ้นพลโท เพื่อให้ตำแหน่งว่าง รองรับ ระดับ ผบ.กองพล ขึ้นมา ได้เพิ่มขึ้น จะได้ไม่ได้เปรียบ เสียเปรียบกัน แต่ก็ไม่เพียงพอ กับ นายทหารระดับ ผบ.กองพล และ ผบ.มทบ. ที่จะขยับขึ้นมาอยู่ดี อีกทั้ง หากขยับ พลตรีอมฤต จะทำให้ต้อง เลือก ผบ.พล.ร.2 รอ.คนใหม่ ขึ้นมาแทน ซึ่งก็มี “รองเสก” พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ (ตท.28) รองผบ.พล.ร.2 รอ. จ่อคิว อยู่แล้ว แต่ทว่า มีปัญหาความเห็น ไม่ตรงกันในระดับผู้ใหญ่ ว่า ควรจะให้ ผบ.พล คนไหน ที่ขยับขึ้น รองแม่ทัพภาค1 เพราะมีอาวุโสหลายคนหากใครขึ้น ก่อน ก็จะชิงความได้เปรียบในการเป็นแม่ทัพน้อย1 และแม่ทัพภาค1 ก่อน เพราะมีทั้ง พลตรี บรรยงค์ ทองน่วม (ตท.27) ผบ.พล.ร.9 และ “บิ๊กตั้ง” พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล (ตท.27)ผบ.พล.ร.11 และเกิดปัญหาอีกว่า หากขยับ พล.ต.อมฤต แล้วจะให้ ใครเป็น ผบ.พล.ร 2 รอ. คนใหม่ เพราะใน ตท.28 ก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกันนัก โดยมีการเสนอชื่อ “รองแอ้ม” พ.อ.ณัฐเดช จันทรางศุ รองผบ.พล.1 รอ. ให้ข้ามไปเสียบเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. แต่ทว่า พ.อ.ณัฐเดช ไม่เคยอยู่ พล.ร.2 รอ.มาก่อน แต่เติบโตจาก ร.11 รอ. และดุริยางค์ ทบ. จึงถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม จนที่สุด พล.อ.ณรงค์พันธ์ จึงตัดสินใจ ไม่ให้มีการขยับตำแหน่งใดๆ แม้แต่ พล.ต.ฐกัด ก็ให้เป็น พลตรี รองแม่ทัพภาค 1 ต่อไป โดยจะไปขยับ ตอนโยกย้าย ต.ค. เลย เพื่อตัดปัญหา ไม่ลงตัว ในหลายระดับ จึงมีการแก้ไขบัญชีรายชื่อ ไม่มีการขยับ แต่กำลังรบหลัก ทัพภาค 1 ก็ฮือฮา อีกครั้ง หลังจากที่มีข่าวว่า พล.ท.สุขสรรค์ แม่ทัพภาค 1 เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ ห้องทำงาน บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีการคาดการณ์กันในหลายประเด็น เพราะพล.ท.สุขสรรค์ (ตท.23) ก็เป็นนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ที่เติบโตใกล้ชิด ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่ และเป็นแคนดิเดตที่จะขึ้น 5 เสือทบ. ต.ค. นี้ และ กลายเป็นแคนดิเดตผบ.ทบ. อีกคนหนึ่ง ที่จะขึ้นมาแทน พล.อ.ณรงค์พันธ์ ส่วนอีกประเด็น ที่คาดหมายกัน ก็คือ การแก้ไข โผโยกย้าย อีกครั้งหรือไม่ จากที่ เดิมไม่มีการขยับ รองแม่ทัพภาค1 คนใดๆ เพราะเป็นที่รู้กันว่า พล.อ.ประยุทธ์ สนับสนุน พล.ต.อมฤต ให้ได้เติบโต อีกคน แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า พล.ท. สุขสรรค์ มา มอบของที่ระลึกในวันสถาปนากองทัพภาค 1 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ไปร่วมงาน เมื่อ 14 ม.ค.2565 เพราะจัดเป็นการภายใน เนื่องจากสถานการณ์โควิด แพร่ระบาด รวมทั้งได้ รับคำสั่งในการทำงาน เพื่อสนับสนุนงานรัฐบาล ในการ ดูแลประชาชนในสถานการณ์โควิดในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 เช่น การทำหมู่บ้านสีฟ้าร่วมกับ กอ.รมน. สร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้าน-ตำบล เพื่อ พร้อมรับมือการแพร่ระบาด เท่านั้น ไม่มีการพูดคุย เรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ใดๆ แต่ทว่า กระแสข่าวในทบ. ก็สะพัดไปแล้วว่า มีการขยับโผทบ.อีกครั้ง ขณะที่ บก.กองทัพไทย ยังถูกจับตามอง ในตำแหน่ง ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) เจ้าบ้านเลขที่17 รามอินทรา ที่คุมหน่วยข่าวกรองสำคัญ เทียบว่าเป็น CIA ของ กองทัพไทย ที่ ทำงานข่าวกรอง ข่าวลับ ด้านความมั่นคง การปกป้องประเทศ การต่อต้านก่อการร้าย ความ เคลื่อนไหวภายนอกประเทศ และ ในประเทศ และภารกิจในการปกป้องสถาบันฯ และ ถวายการอารักขา สถาบันพระมหากษัตริย์ และ พระบรมวงศานุวงศ์ ในการเสด็จพระราชดำเนิน ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ เนื่องจาก “บิ๊กน้อย” พล.ท. วัฒนะ พลจันทร์ (ตท.21) ผบศรภ. สายรบพิเศษ ต้องขยับขึ้น พลเอก ก่อนเกษียณ แต่ครั้งนี้ การเลือก ผบ.ศรภ. ออกแนว งานใหญ่ เพราะจะต้องมาสานต่อ การดูแลความปลอดภัย การข่าว ในช่วงที่ ประเทศไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพประชุม APEC 2022 ที่มีการประชุมย่อย ตลอดทั้งปี และโดยเฉพาะ ผู้นำชาติต่างๆ จะมาประชุม ที่กรุงเทพฯ ในเดือน พ.ย. นี้ จึงมีข่าวว่า พล.ท.วัฒนะ เชื่อมือ และไว้วางใจ จึงเสนอชื่อ “บิ๊กอ้อ” พล.ต.ทวีศักดิ์ มณีวงศ์ (เตรียมทหาร 24 จปร.35 )รอง ผบ.ศรภ. ขึ้นเป็น ผบ.ศรภ.คนใหม่ เพราะทำงานร่วมกันมาก่อน อยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยอยู่รบพิเศษ พล.ต.ทวีศักดิ์ เป็นทหารหมวกแดง รบพิเศษ เติบโตใน หน่วยรบพิเศษตลอด เป็น ทั้ง ผบ.ร้อย.รบพิเศษ รพศ.4พัน.2 , รองผบ.กรมรบพิเศษที่ 5( รพศ.5 ) และ ผอ.กองข่าว หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) รองเสธ.นสศ. ก่อนจากหน่วยลพบุรี มาเป็น รองผอ.ศูนย์ประสานงานการปฏิบัติที่ 3 กอ.รมน. (รอง ผอ.ศปป.3 )สำนักงาน ปรมน.ทบ. ด้านการต่อต้านการก่อการร้ายฯ งานการข่าวกรอง และเพิ่ง มาเป็น รองผบ.ศรภ. เมื่อโยกย้าย เม.ย.2564 ที่ผ่านมา และถูกมองว่า มารอเป็น ผบ.ศรภ.คนต่อไป ตอนที่อยู่หน่วยรบพิเศษ พล.ต.ทวีศักดิ์ ได้รับภารกิจ ในการปฏิบัติการพิเศษ ด้านความมั่นคงเป็นภารกิจลับ ในการสร้างความมั่นคงชายแดน ปัญหาผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบ ปัญหาชนกลุ่มน้อย รวมทั้งการแก้ปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ กลุ่มก่อการร้าย และยาเสพติด ที่สำคัญคือมีบทบาทในปฏิบัติการจับกุม ฮัมบาลี แกนนำกลุ่มก่อการร้ายเจมาห์ อิสลามิยาห์ (JI ) เมื่อปี 2546 ด้วย ขณะที่ ทางทบ. ส่งชื่อ “เสธ.มล” พล.ท. วิมล คำอิ่ม (ตท26 จปร.37 )อดีต ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร (ผบ.ขกท.) ปัจจุบัน เป็น ผู้อำนวยการสำนักการข่าว สำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายใน (ปรมน.) และทำหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักการข่าว กอ.รมน. อีกหน้าที่หนึ่งด้วย มาให้ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พิจารณา พล.ท.วิมล เป็นทหารเหล่าข่าว และทำงานข่าวกรอง อยู่ ขกท. มาตลอด ผ่านมาทุกตำแหน่ง จนเป็น ผบ.ขกท. จนเป็นที้รู้กันว่า เป็นนายทหาร ที่มีงานการข่าวอยู่ในสายเลือด รอบรู้งานด้านการข่าวเป็นอย่างดี เพราะเกาะติดมาตลอด ทั้ง ในประเทศ ชายแดน และ นอกประเทศ ยังเป็นทีมการข่าวสายความมั่นคง ที่ต้องไปประชุมความมั่นคง และประชาคมข่าวกรอง กับ พล.อ. ประวิตร ทุกสัปดาห์ เรียกได้ว่า เป็นที่คุ้นเคย ของ “บิ๊กป้อม” พี่ใหญ่ที่คุมสายมั่นคง และยัง ทำงานการข่าว ความเคลื่อนไหวของขบวนการต่อต้านสถาบันฯและกลุ่มม็อบต่างๆ มาต่อเนื่องด้วย โดยในกองทัพไทย เชื่อว่า พล.อ.เฉลิมพล จะเลือก พล.ต.ทวีศักดิ์ ตามที่ พล.ท.วัฒนะ เสนอขึ้นมา เพื่อสานต่อการทำงาน แบบไร้รอยต่อ แต่ที่ดู เข้มข้นที่สุด คือ กองทัพเรือ ใครว่า ตะหานน้ำ ใจเย็น แต่ดูท่าว่า จะร้อนระอุ อีกครั้ง กลิ่นล้างบางโชย หลังมีกระแสข่าวว่า “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. จะขอตัว “บิ๊กจอร์ช” พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ (ตท.22) รองเสนาธิการทหาร กลับมากองทัพเรือ ที่สำคัญคือ ดึงเข้า 5 เสือทร. นั่งเป็น ผช.ผบ.ทร. เพื่อเตรียมให้เป็น ผบ.ทร. ในต.ค.นี้ ต่อจาก พล.ร.อ.สมประสงค์ องที่จะเกษียณ และที่จะทำให้ ทร. เข้าสู่โหมดความขัดแย้ง อีกครั้ง ก็เมื่อ พล.ร.อ.สมประสงค์ เด้ง “บิ๊กปู” พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผช.ผบ.ทร. ไปเป็น รองเสธ.ทหาร ที่บก.กองทัพไทย ซึ่งถือว่า ร้ายแรง ที่ย้าย 5 เสือ ไป เป็น รองเสธ.ทหาร และเป็นการโยกย้ายกลางปี แน่นอนว่า ย่อมถูกมองว่า เป็นการล้างบาง “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. อีกระลอก เพราะ พล.ร.อ.สุทธินันท์ ได้ชื่อว่าเป็น น้องรักของ พล.ร.อ.ลือชัย และพยายามจะผลักดัน ให้เป็น ผบ.ทร. มาตลอด การเด้ง พล.ร.อ.สุทธินันท์ ไปบก.กองทัพไทย ครั้งนี้ ถือเป็น สัญญาณแตกหัก ของ พล.ร.อ.สมประสงค์ กับ พล.ร.อ.ลือชัย หลังจากที่ ก่อนหน้านี้ เมื่อมาเป็น ผบ.ทร. ได้ไม่กี่วัน พล.ร.อ.สมประสงค์ ก็เริ่มปฏิบัติการล้างบาง พล.ร.อ.ลือชัย ด้วยการสั่ง รื้อถอนต้นไผ่ ที่ อาคารบก.ทร. ในพระราชวังเดิม และ บก.ทร. วังนันทอุทยาน ที่ พล.ร.อ.ลือชัย สั่งปลูกไว้ ต่อมา ก็รื้อถอนป้าย ข้อความ ม็อตโต้ ยุค พล.ร.อ.ลือชัย หน้าวังนันทอุทยาน ทิ้ง เปลี่ยนเป็น “กยิรา เจ กยิราเถนํ จะทำสิ่งไร ควรทำจริง” ที่เป็น คติสอนใจ ของ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสด็จเตี่ย พระบิดาของทหารเรือ แม้ พล.ร.อ.สมประสงค์ ยืนยันว่า ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งกับ พล.ร.อ.ลือชัย แต่ เป็นไปตามคำแนะนำของ บรรดา อดีต ผบ.ทร. และ เสียงสะท้อนจากกำลังพล แถม งานวัน กองทัพเรือ 20 พ.ย.2564 ที่จัดเมื่อ 19 พ.ย. 2564 พล.ร.อ.ลือชัย ก็ไม่มาร่วมงาน ท่ามกลางข้อกังขาว่า ไม่มา หรือว่า ทร. ไม่ได้เชิญ แต่ทว่า การเด้ง พล.ร.อ.สุทธินันท์ สลับกับ พล.ร.อ.เชิงชาย ในโผนี้ ในกองทัพเรือ มองว่า เล่นกันแรงมาก และจะนำ ทร. กลับเข้าวังวนของความขัดแย้ง อีกครั้ง และไม่มีที่สิ้นสุด และเป็นการสะท้อนชัดว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ ไม่เอา 3 แคนดิเดท ผบ.ทร. ที่มีอยู่ ทั้ง “บิ๊กโต้ง” พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ (ตท.21)รองผบ.ทร. ที่ครองอาวุโส พล.ร.อ.พิเศษ และ “บิ๊กแจ๊ค” พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ (ตท.23) เสธ.ทร. ที่ล้วน เป็นนายทหารเรือที่ พล.ร.อ.ลือชัย ดันขึ้นมา ขณะที่ พล.ร.อ.สุทธินันท์ น้องรักบิ๊กลือ โดนหนักหน่อย เจอ เด้ง พ้น ทร. กลางปี เลย ทั้งนี้ เพราะ พล.ร.อ.สมประสงค์ นั้นมีปัญหาทางใจกับ พล.ร.อ.ลือชัย ตั้งแต่ ครั้งที่ พล.ร.อ.ลือชัย ขึ้น ผบ.ทร. โดยในโผนั้น พล.ร.อ.สมประสงค์ ก็ถูกเด้งไปเป็น รองปลัดกลาโหม พ้นทาง สู่เก้าอีเผบ.ทร. ตลอด 2 ปี ที่ พล.ร.อ.ลือชัย เป็นผบ.ทร. ก็ตีกัน ไม่ให้ พล.ร.อ.สมประสงค์ กลับมากองทัพเรือ เพราะพล.ร.อ.ลือชัย ได้วางตัว ทายาท ที่จะเป็น ผบ.ทร. ไว้ แล้ว ซึ่งในจำนวนนั้น ก็มี แคนดิเดท ในปัจจุบัน ทั้ง 3 คน คือ พล.ร.อ.ธีรกุล พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ และ พล.ร.อ.สุทธินันท์ นี่จึงเป็นคำตอบว่า ทำไม พล.ร.อ.สมประสงค์ จึงต้องไป ขอตัว พล.ร.อ.เชิงชาย กลับมา ทร. ในโผนี้ เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทร. แถมเด้ง พล.ร.อ.สุทธินันท์ น้องรัก บิ๊กลือ ไปแทนที่ ไปๆมาๆ ศึกแย่งชิงอำนาจ ในกองทัพ ใครชนะ ก็มักจะต้อง ล้างบาง ฝ่ายผู้แพ้เสมอไป กองทัพวุ่น เช่นนี้ การเมือง จึงยิ่งร้อนระอุ แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็น รมว.กลาโหม คุมกองทัพ เอง แต่ก็ไม่อาจสงบศึกในกองทัพได้ เลยแม้แต่น้อย การประชุม คณะกรรมการ 7 เสือกลาโหม ที่พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เมื่อ4 มี.ค. ที่ผ่านมา รอดู ผลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะสยบศึก หรือว่า จะยิ่งทำให้ กองทัพ ลุกเป็นไฟ