นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ในฐานะทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ได้แก่ ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.ได้พิจารณาถึงความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนรุนแรงและยืดเยื้อกว่าที่คาด ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกสูงขึ้นโดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ขยับมาสู่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลสูงสุดรอบ 8 ปีและมีแนวโน้มอาจสูงขึ้นดังนั้น กกร.จึงปรับกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2565 ใหม่โดยปรับกรอบผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)จากเดิม 3-4.5% เป็น 2.5-4.5% คงการส่งออกโต 3-5% แต่ปรับอัตราเงินเฟ้อจาก 1.5-2.5% เป็น 2-3% โดย กกร.ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยดังกล่าวระยะสั้น 3 เดือนซึ่งคงต้องติดตามอีกครั้งและเห็นว่าภาครัฐควรเตรียมมาตรการรับมือโดยเฉพาะทั้งการดูแลราคาค่าพลังงานและการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มโดยเห็นว่าควรจะพิจารณากู้เงินเข้ามาดูแลเศรษฐกิจโดยรวมอย่างน้อย 1 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่สูงมีผลต่อต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อ โดยประเด็นความขัดแย้งรัสเซียและยูเครนจะมีทั้งผลกระทบทางตรงและทางอ้อมสิ่งที่กังวลสุดคือทางอ้อมที่ราคาน้ำมันจะสูงต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกได้รับผลกระทบทางตรงจากตลาดรัสเซียและยูเครนไม่มาก แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจคู่ค้าอื่นที่ชะลอลง โดยเฉพาะสหภาพยุโรป ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นของทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน และอาจทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมลดลงได้ที่จะกระทบต่อการส่งออกในระยะต่อไปจึงต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นของราคาสินค้าขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละรายว่าจะสามารถรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นได้มากน้อยเพียงใด โดยยอมรับว่าขณะนี้จากปัญหาต้นทุนทั้งน้ำมัน ค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น ค่าตู้คอนเทนเนอร์ ฯลฯ จึงมีการทยอยปรับราคาสินค้าบางรายการบ้างแล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้นภาพรวม ส.อ.ท.เคยทำผลสำรวจจะตรึงราคาได้ 2-3 เดือนก็อาจจะไม่ได้ทั้งหมด โดย กกร.เสนอขอให้ภาครัฐมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วม (รัฐ-เอกชน) ในการเป็น Focal Point ในการติดตามและประเมินสถานการณ์เพื่อให้เอกชนได้รับข้อมูลจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การปิดน่านฟ้า การประกาศหยุดของสายเรือ รวมถึงผลกระทบหากเกิดกรณีการคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตกและพันธมิตรด้วย เพื่อวางแผนในการขนส่งสินค้าไทยต่อไป นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กกร.มีความกังวลต่อระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่อาจขยับไปสู่ระดับ 120 เหรียญฯต่อบาร์เรลจากความตึงเครียดของสถานการณ์ในยูเครนซึ่งจะกระทบให้ราคาขายปลีกของไทยที่อาจต้องขึ้นไปอีก 6 บาทต่อลิตรโดยเฉลี่ยจึงเป็นสิ่งที่จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตภาพรวมของไทย ขณะเดียวกันการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนระยะสั้นส่งผลให้ข้าวสาลีทีเป็นวัตถุดิบการผลิตอาหารสัตว์เกิดภาวะขาดแคลนซึ่งยูเครนเป็นผู้ส่งออกหลัก โดยนักท่องเที่ยวต่างประเทศจากรัสเซีย 6 แสนคนระยะสั้นนี้น่าจะหายไปราว 50% แต่รัฐบาลได้มีการดึงนักท่องเที่ยวอื่นๆมาเสริมเช่น ซาอุดิอาระเบีย ก็อาจจะช่วยได้ระดับหนึ่ง