เพื่อน “แตงโม” เคลียร์ทุกดราม่า ฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ ทำไมถึงทิ้งเพื่อน! “กระติก” รับไม่กล้าสู้หน้าแม่ “ไฮโซปอ” ให้คำมั่นสัญญาจะดูแลแม่แตงโมเองหลังจากนี้ กรณี “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” พลัดตกจากเรือลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงท่าน้ำพิบูลสงคราม ช่วงเวลา 4 ทุ่มกว่าๆ ของวันที่ 24 ก.พ. ก่อนต่อมาจะพบร่างลอยกลางน้ำเจ้าพระยาในวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งประเด็นดราม่าก็ตามมามากมาย มีหลายเรื่องที่ตอบไม่เคลียร์ คาใจคนบันเทิงและแฟนๆ รายการโหนกระแสวันที่ 28 ก.พ. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ ไฮโซปอ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์, กระติก อิศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ผู้จัดการแตงโม, แซน , และ จ๊อบ 4 คนที่อยุ่ในเหตุการณ์นาทีสุดท้ายชีวิตสาว พร้อมเคลียร์ทุกประเด็นร้อนที่คนสงสัย คุณรู้จักแตงโมมานานแค่ไหน? ปอ : ผมเป็นเพื่อนกับคุณแตงโม ตั้งแต่อายประมาณ 16 ตอนนั้นผมเริ่มเข้าวงการโมเดลลิ่ง คุณแตงโมกับผมเป็นเพื่อนที่อยู่ในสังกัดโมเดลลิ่งเดียวกัน เวลาไปแคสติ้งงาน สมัยก่อนไปนั่งรอ ก็คุยกันทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้จักและเป็นเพื่อนกัน คุณไม่เคยจีบแตงโม? ปอ : ไม่เคยจีบครับ สรรพนามที่เรียกกัน? ปอ : เรียกมึงกู เหตุการณ์วันนั้น คุณไปชวนกันอีท่าไหน? ปอ : เริ่มต้นจากผมกับกระติกเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว เราเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก กระติกเขาโพสต์โน่นนี่เราก็มาคอมเมนต์ เราก็ทักกระติกไปในไลน์ ผมก็บอกว่าว่างๆ ชวนเพื่อนเก่ามาเจอกันหน่อย ไม่ได้เจอนานแล้ว กระติกบอกว่าเดี๋ยวไปก่อวอร์ดก่อน หลังจากนั้นกระติกก็มาบอกผมว่ามีใครบ้าง ตอนนั้นมี 4 คน กระติก แข โม และเพื่อนอีกคนชื่อน้อยโหน่ง 4 ท่านนี้ นี่คือจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนั้น ก่อนวันที่เราจะไป กระติกบอกว่าเพื่อนชื่อแข ซึ่งไม่ใช่รัศมีแข เป็นเพื่อนผู้หญิง แต่แขเขาบอกว่ามาไม่ได้ ติดงานอยู่เชียงใหม่ ติกบอกว่างั้นชวนแซนมาแทนนะ ก็สรุปว่ามี 4 ท่าน มีหลักฐานมั้ย? ปอ : มีครับ ส่งให้ทีมงานแล้ว เป็นไลน์ที่ปอคุยกับกระติกครับ คุณไปชวนแตงโมยังไง? กระติก : ก็บอกว่ามึงๆ ไปล่องเรือกันมั้ย อีปอมีเรือ เขาว่าคุณหลอกแตงโม? กระติก : ไม่เคยหลอกพี่ (เสียงสั่นเครือ) มันเป็นเพื่อนหนู จะไปหลอกมันทำไม หนูไม่เคยหลอกเพื่อน ชวนไปลักษณะไหน? กระติก : ชวนไปเที่ยวค่ะ ที่บอกว่าคุณหลอกแตงโมให้ไปเอ็น? กระติก : หนูมีหลักฐานหมด เพียงแต่ไม่เคยเอาออกมาให้ใครดู มีแชตค่ะ ส่งทีมงานแล้ว เขาตอบคุณว่าเป็นวันที่ 24 ก.พ. ? กระติก : เขาเป็นคนจิ้มวันให้หนูเอง เรื่องการเอ็น ตัดทิ้งเลย? ปอ : ครับ กระติก : ไม่มี ขึ้นเรือไป ที่แรกไปไหนก่อน? ปอ : ที่แรกเราไปเติมน้ำมันที่ห่างจากเอ็นบีซีสัก 15 นาที หลังจากนั้นมารับคุณแซน และไปทานอาหารกัน หลังทานอาหารไปถึงสัก 6 โมงครึ่ง เราทานอาหารเสร็จสักสองทุ่มกว่า ก็กลับมาสะพานพระราม 8 ดื่มมั้ย? ปอ : ดื่มครับ ขาไปเราดื่มแชมเปญ ขากลับอยู่ที่ร้านอาหาร เราดื่มไวน์ 1 ขวด ขากลับเราดื่มไวน์ ทำไมไม่ใส่ชูชีพ สังคมถามเลย ว่าทำไม? กระติก : หนูไปเที่ยว หนูอยากถ่ายรูป ในมุมของหนูนะ คนอื่นหนูไม่ทราบ มันลำบากในการใส่ถอดๆ เรามีแจ็คเกตอีกตัวนึง เราถ่ายรูปกันตลอดเวลา จนเขาทักว่ามานี่ไม่ทำอะไรเลยเหรอ ถ่ายรูปอย่างเดียว พวกหนูยังขำอยู่เลย คือมันไม่สะดวกค่ะ เราเลยไม่ได้คิดตรงนั้น เรามองว่ามันไม่ใช่บานาน่าโบ๊ต รู้สึกว่ามันไม่อันตราย ณ ตอนนั้นนะ หนูก็โง่เองที่คิดแบบนั้น หนูสะเพร่าเองที่คิดแบบนั้นที่มันอาจทำให้เกิดอันตรายกับตัวเองหรือคนอื่นได้ ไม่ได้เตือนเพื่อน แซนก็ไม่ได้ใส่? แซน : ไม่ได้ใส่ แซนก็ลืมคิดถึงไปเลย ว่าต้องเซฟตัวเองตรงนี้ด้วย เป็นความสะเพร่า คุณในฐานะเจ้าของเรือ ลงไปไม่ได้บอกให้ทุกคนใส่ชูชีพเหรอ? ปอ : ผมไม่ได้คุยประเด็นนี้ แต่เรือผมมีชูชีพเยอะเลย อยู่ในที่เก็บเรือ แต่เรียนตรงๆ พอลงไปก็ถ่ายรูปทุกอิริยาบถ ตั้งแต่สตาร์ทยันมืดก็ถ่าย ยังพูดว่าสว่างหรือมืดทำอะไรพวกเธอไม่ได้เลยนะ เขาบอกในฐานะคุณเป็นเจ้าของเรือ คุณควรให้ทุกคนใส่ชูชีพ เรื่องนี้คุณจะว่ายังไง? ปอ : ต้องบอกว่าผมก็บอกเพื่อนๆ ว่าเรามีชูชีพ ผมก็ยอมรับผิดว่าผมไม่ได้กำกับอย่างดี ผมยอมรับกับความผิดพลาดเรื่องนี้ ถ้าเกิดใช้คำว่าชุ่ยได้มั้ย? ปอ : ได้ครับ หลายคนมองว่าคุณในฐานะเจ้าของเรือเอง เป็นคนชวนเอง เหตุเกิดขึ้นทำให้ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไป ทำให้คนๆ นึง ความสวยงามไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว คิดถึงมุมนี้มั้ย? ปอ : คิดครับ ถ้าวันนั้นผมไมได้ชวนกระติกให้มานั่งเรือ ให้มากินข้าว เหตุการณ์ต่างๆ คงไม่เกิดขึ้น วันนี้ผมรู้สึกผิด ผมรู้สึกเสียใจ กับการที่ผมชวนเพื่อนเก่ามากินข้าว สิ่งที่คุณพูด คุณไม่ได้แสดงใช่มั้ย ทุกคนบอกเหมือนคุณแสดง คุณรู้สึกจริงๆ ใช่มั้ย? ปอ : ไม่ผิดหรอกครับ ที่พี่หนุ่มจะถาม หรือประชาชนในโลกโซเชียลมีเดียจะมีคำถามต่างๆ ว่าผมแสดง แต่ลองกลับไปคิดนะครับ ถ้าคุณกำลังเจตนาเจอเพื่อนเก่าที่ไมได้เจอนานมากเป็น 10 ปี ไปกินข้าวกัน ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงมีความสุข คุณกำลังฟินกับบรรยากาศ หันกลับมาเพื่อนคุณหายไปแล้ว ไม่ผิดครับที่หลายคนบอกว่าเสียใจจริงมั้ย แสดงจริงมั้ย ถ้าคุณไม่เจอกับตัวเอง ผมมั่นใจคงไม่มีใครรู้สึกถึงความรู้สึกนี้ ความรู้สึกมันวับแล้วโลกเปลี่ยน วันนี้หลับตาก็เห็นหน้าโม นอนก็นอนไม่หลับ แถมถูกสังคมตีตราว่าเป็นฆาตกร ผมเครียดมาก ไลน์ที่พูดคุยกัน ระหว่างปอคุยกับกระติก กระติกชวนโมไป โมบอกว่าอยากไป เลือกวันเอง จิ้มวันให้เอง หลังจากนั้นไปลงเรือกัน เขายอมรับไม่ได้ใส่ชูชีพ มีการดื่มกันจริง หลังจากนั้นนั่งเรือกันไปไหน? ปอ : ไปทานอาหาร ชื่อร้านบ้านตานิตย์ ไปถึงร้านอาหาร 6 โมงครึ่ง ทานอาหารเกือบ 2 ชม. แล้วเดินทางกลับ จ๊อบเป็นใคร? จ๊อบ : เป็นน้องพี่ปอมาช่วยทำงาน ปอ : เป็นทีมงานที่บริษัท แล้วเหมือนน้องที่สนิทกัน จ๊อบ : ถ้ามีอะไรกับพี่ปอก็ไปด้วย คุณคือมือชงเหล้า รินไวน์? จ๊อบ : ครับ คุณคือคนที่บอกว่าใส่เสื้อขาดๆ? จ๊อบ : ครับ ทำไมเบิร์ตไม่มา? ปอ : เบิร์ตแอดมิท เมื่อคืนไปตรวจมีความเครียดสูง ความดันขึ้น 200 กว่า ปัจจุบันแอดมิทอยู่ ต้องบอกว่าผมเป็นลูกค้าคุณเบิร์ต คุณเบิร์ตทำเว็บไซต์ให้ผม เราสนิทกัน เป็นพี่ เหมือนรุ่นพี่ที่สนิทกัน เบิร์ตรู้จักทางนี้มั้ย? ปอ : ไม่รู้จักครับ แล้วคุณชวนไปทำไม? ปอ : เพื่อนๆ สามสี่คนเป็นผู้หญิง ผมก็คงไม่ได้คุยเอ็นเจอยสนุก ก็อยากมีเพื่อนผู้ชายไปด้วย ไปจอยๆ เจอเพื่อนเก่าไปคุยกัน จ๊อบคุณชวนไป ผมเข้าใจ แต่คุณเบิร์ต ไม่กลัวเบิร์ตตะขิดตะขวงใจเหรอ? ปอ : ไม่หรอกครับ เราสนิทกัน เบิร์ตกับผมคุยกินข้าวด้วยกันบ่อย เหมือนเพื่อนเจอเพื่อน ผมว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เหมือนพาเพื่อนใหม่ไปรู้จักกัน ไปทานข้าวมีเหตุการณ์อะไรพิเศษหรือแปลกๆ เป็นที่มาของเหตุการณ์? ปอ : ไม่มีอะไรที่มีสัญญาณเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น อยู่ในเรือแตงโมเป็นไง? กระติก : แฮปปี้มาก เราสองคนผลัดกันถ่ายรูปตลอด เขาก็คอนโทรลว่าเราควรโพสต์ท่าไหน เขาถ่ายรูปเก่งกว่าหนู ประมาณนี้ตลอดทาง ตอนคุณไปทานข้าวเรียบร้อย คุณไปเข้าห้องน้ำ? กระติก : พวกเราทั้งกลุ่มเข้ากันสองรอบ รอบแรกก็ไปเข้าที่ร้านอาหารรอบนึง เพราะนั่งเรือมานานก็ปวด จนทานเสร็จก่อนกลับก็ทำธุระอีกรอบ ติกพิจารณาแล้วว่านั่งเรือไป ซึ่งก็ชวนเขาไปด้วย เขานั่งตรงข้ามตอนทานข้าว ชวนว่าไปห้องน้ำมั้ย เดี๋ยวนั่งนานนะ เขาบอกว่าเขาไม่ปวด เหมือนเขาสาละวนแต่งภาพหรือคุยกับใคร แล้วเราก็กลับลงเรือ เพราะเช็คบิลไปแล้ว แตงโมไม่ได้เข้าคนเดียว หลังขึ้นเรือมาก็ดื่มต่อ? กระติก : ใช่ ก็นั่งถ่ายรูป ดื่มไวน์ต่อ แค่นั้น ถ่ายรูปกันตลอดเวลา แซนทำอะไร? แซน : แซนนั่งหลังเรือ แล้วหันหลัง เพราะลมพัดเข้าตาแซน ตาแซนเจ็บค่ะ คุณบอกส่งไทม์ไลน์ต่างๆ ให้แล้ว ตั้งแต่? กระติก : ตั้งแต่เรือออก 5 โมง ภาพคุณใครถ่าย? กระติก : แตงโมถ่ายให้ค่ะ จัดท่าให้ด้วยค่ะ 17.43 น. อยู่ปากเกร็ด อีกภาพอยู่ร้านอาหารสามโคก 18.51 น. อาหารเพิ่งมา มีถ่ายรูปด้วยมั้ย? กระติก : เราไม่ได้ถ่ายเลย เรากินอย่างเดียว อยู่สามโคกถึง 2 ทุ่มแล้วกลับลงเรือ สองทุ่มครึ่งคุณถ่ายผิวน้ำ ใครถ่าย? กระติก : หนูถ่าย แล้วโมแอบถ่ายหนูตอนเผลอๆ ตอนหนูถ่ายค่ะ รูปก็เลยไปอยู่ในโทรศัพท์โมค่ะ โทรศัพท์อยู่กับใคร? กระติก : ไม่ทราบแล้วตอนนี้ แต่เคยอยู่กับติก แต่อยู่ไม่นาน มีช่วงทิ้งอยู่บนเรือ และเอากลับไปบ้าน 21.56 น. อยู่ที่พระราม 7? กระติก : อยู่ตรงนี้นานหน่อย เพราะรูปเบลอเยอะ ก็อยู่จนให้ได้รูปสวย ภาพนี้ใครถ่าย? แซน : แซนเดินไปถ่ายให้ค่ะ รูปนี้ 22.06 น. รูปนี้ใครถ่าย? กระติก : โมถ่ายค่ะ รูปต่อจากนี้มีอีกมั้ย? กระติก : ไม่มีค่ะ แตงโมตกน้ำกี่โมง มีรูปนึง 22.13 น. ใครถ่าย? กระติก : โมถ่าย รูปนี้รูปสุดท้าย หลังจากนั้นเธอเดินกลับไปแล้วเสียชีวิต? ติก : หนูนั่งชมวิว หลังจากนี้มีแล่นเรือ มีคุย มีอะไร โมตกเรือกี่โมง? แซน : 4 ทุ่มครึ่งนิดๆ ค่ะ 15-20 นาทีต่อจากนี้ คนที่ถ่ายรูปให้คุณไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว? กระติก : ใช่ค่ะ ภาพข้างหลังคือใคร? กระติก : แซนค่ะ ในภาพคุณหันหน้ามา? กระติก : ใช่ค่ะ เพราะจะเอาวิวข้างหลังเป็นสะพานค่ะ คุณนั่งหน้าหาหัวเรือ ข้างหลังคือแซน รูปนี้โมถ่าย? กระติก : ใช่ค่ะ ตอนนี้รู้แล้ว คุณนั่งข้างหลังจริงๆ จากภาพนี้ หลังจากนี้เกิดอะไรขึ้น? กระติก : หนูบอกตรงๆ ว่าหนูไม่ทราบ หนูไม่เห็นจริงๆ คุณไม่เห็นยังไง คุณอยู่บนเรือ? กระติก : โพสิชั่นตอนนั้นนั่งดูวิวแล้ว ไม่มีการถ่ายรูปเกิดขึ้นแล้ว กระติกนั่งข้างหน้า เบิร์ตอยู่ตรงพวงมาลัย ปอยืนอยู่ตรงนั้น จ๊อบนั่งหลังคนขับ แซนล่ะ? แซน : อยู่อีกฝั่งนึง อยู่ฝั่งด้านขวา มาด้านหัวเรือ ขาล่ะ? แซน : ขาไปหลังเรือ หัวมาทางหัวเรือ ขาคือพุ่งไปตรงเครื่องค่ะ เกือบตรง เพราะจะมีพนักพิงขึ้นมานิดนึง ที่ตรงที่นั่งปรับให้เอน 180 องศาได้ โมเดินมาจากจุดไหน เอาตำแหน่งให้เห็น? กระติก : หนูไม่ทราบว่าก่อนเดินไปอยู่ตรงไหน เพราะตอนเกิดเหตุหนูนั่งดูวิวแล้ว แต่ที่จำได้เขาถามหาโทรศัพท์กับหนู ช่วงเวลาเกิดเหตุ เราใช้เวลาอยู่ข้างหน้า หลังถ่ายภาพเราก็ยืนคุยกัน ซึ่งเขาก็สาละวนกับการหาโทรศัพท์ เขาก็ถามว่าเห็นโทรศัพท์มั้ย หนูก็เห็นแว้บๆ ว่านั่งทับอยู่ ก็บอกว่าอยู่นี่ เขาก็บอกว่าวางไว้ตรงนั้นแหละ ก็บอกว่าทำไมไม่ยื่นไว้ในกระเป๋าติกจะได้ไม่ต้องหาแล้ว ก็ใส่ให้เขาเห็น ตอนถ่ายรูปสุดท้าย 22.13 น. ภาพสุดท้ายใช้โทรศัพท์ใครถ่าย? กระติก : โทรศัพท์หนู โทรศัพท์โมอยู่ไหน? กระติก : หนูไม่ได้เห็นว่าอยู่ไหน แต่เห็นเพราะช่วยเขาหา มันอยู่ตรงที่หนูนั่ง ข้างๆ เบาะมีหลุมใส่แก้ว มันเสียบอยู่ในนั้น หลังคุณใส่ในกระเป๋าของคุณ หลังจากนั้น? กระติก : หันหน้าออกไปดูวิวแล้วค่ะ ไมได้มองโมเลย? กระติก : ไม่ได้มองค่ะ คุณเห็นมั้ยโมเดินไปทางไหน? ปอ : ไม่เห็นเลยครับ ทำไมไม่เห็น เรือไม่ได้ลำใหญ่มาก? ปอ : จุดที่นั่งเรือสบายที่สุดคือหัวเรือ เรายืนข้างหน้าแล้วดูวิวกับลม และฟังเพลง ฟิลลิ่งความรู้สึกตอนนั้น เรามองไปข้างหน้าอย่างเดียว คุณอยู่ข้างๆ พวงมาลัย โมถ่ายรูปอยู่ข้างหน้า เขาเดินย้อนกลับไปด้านหลัง คุณไม่เห็นเหรอ? ปอ : ไม่เห็นครับ ช่วงโมถ่ายพูดตรงๆ เราไม่ได้มอง ตอนโมเดินสวน ผมก็มองบรรยากาศเพลินๆ โมก็ไม่ใช่คนตัวใหญ่ ผมอยู่ด้านซ้าย เขาเดินผ่านไปผมไม่เห็นจริงๆ คุณอยู่หลังพวงมาลัยเห็นมั้ย? จ๊อบ : เห็นครับ โมเดินผ่านผมไปเฉยๆ เหมือนนั่งสองแถว เก้าอี้ดีไซน์มาให้ผมนั่งหันไปด้านข้างเรือ เขาก็เดินผ่านผม เขาไปไหน? จ๊อบ : ไปท้ายเรือ แต่ผมไม่ได้กวาดสายตาไปสนใจว่าเขาจะทำอะไร ไม่ได้สนใจขนาดนั้น เขาเดินไปหาคุณ บอกคุณว่ายังไง? แซน : ขอกูฉี่แป๊บนึงนะ แล้วเขาก็นั่งลงไปเลย แซนไม่ทันบอกให้ยุดเรือหรืออะไร ตอนเขานั่งเขาก็จับขา แซนก็ไม่ได้สังเกต เพราะเขาทำธุระส่วนตัว แซนก็นั่งเล่นมือถือไปเรื่อย เขาจับคุณกี่มือ? แซน : ก่อนนั่งเขาจับสองมือ แต่พอเขานั่งก็ไม่ได้สังเกต รู้สึกอีกทีตอนเขาจะลุก เขาทิ้งน้ำหนักตัวมาที่แซนนิดนึง แซนก็ตกใจง่าย ตรงนั้นนั่งแล้วสามารถตกได้เลย เพราะไม่มีที่จับอะไรเลย ก็บอกว่าขอกูตั้งหลังนิดนึง อย่าเพิ่งดึง เขาก็พยักหน้า ทีนี้เขาอาจเสียหลัก เขาก็เซไปด้านซ้ายของเขา เขาก็เกาะตรงนั้น แล้วพลิกตกลงไปต่อหน้าเลยค่ะ คว้าเขามั้ย? แซน : ไม่ถึงค่ะ เขาฉี่มั้ย? แซน : เขาฉี่ค่ะ เสร็จมั้ยไม่ทราบ แต่ใช้เวลาสักปั๊บนึง 10 วินาทีอย่างน้อย ไม่งั้นเขาจะไปนั่งทำอะไรตรงนั้น ไม่ทราบว่าฉี่เสร็จมั้ยแต่เขาลุกขึ้นมา พยายามเกาะ พยุงนิดนึง แต่แซนตกใจ แซนก็ลุกขึ้นมา บอกว่าขอตั้งหลักแป๊บนึง จำลองให้ดูกลางรายการ นี่สมมติเรือที่คุณนั่ง เขามาแล้วยังไง? แซน : ขาอยู่ระดับเดียวกับโซฟา เขาก็ขึ้นมา แล้วเกาะแล้วนั่งไปเลย ตอนเขาจะลุกเขาเกาะรอบนึง แซนก็ตกใจเพราะแซนไม่มีที่เกาะ เหมือนเขาพยุงตัวเขา แต่แซนไหลไปด้วย เขาปัสสาวะเสร็จแล้วเลยดึงคุณ? แซน L ก็ขอตั้งหลักนิดนึง จะได้ดึงตัวเขาขึ้นมาได้ แต่เขาเสียหลักไปก่อน แล้วพลิกตกไปเลย เขาพูดกันเยอะมากว่าประเด็นไม่ใช่ แตงโมใส่ชุดแบบนี้? แซน : ในความคิดแซน เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล ว่าคุณสามารถทำธุระส่วนตัวในชุดแบบนี้ได้หรือเปล่า ขึ้นอยู่กับกายภาพของแต่ละคน บางคนมีประสิทธิภาพที่จะทำได้ บางคนอาจทำไม่ได้ ไม่ควรตัดสินค่ะ แต่เขาไปปัสสาวะตรงนั้นจริงๆ หลังแตงโมตกลงไป เราทำยังไง? แซน : เราก็ตะโกนค่ะ จ๊อบ : ผมได้ยินก็ตะโกนว่าพี่โมตกน้ำ กลับๆ ระหว่างนั้นผมก็หันไปมองว่าเขาตัวพี่โมอยู่ตรงไหน พยายามจำภาพ ถ้าเราวกเรือกลับปุ๊บจะได้รู้ว่าอยู่ตรงไหน กระติก : แต่มันมืดมาก เปิดคลิปนี้คลิปสุดท้ายแตงโม คลิปนี้บอกอะไรหลายอย่าง เห็นหลักฐานชิ้นนี้ที่ได้มา พูดไปแล้วในเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ลืมการจับผิดว่าแตงโมเมามั้ย เรือวิ่งเท่าไหร่ เพราะเห็นแต่ความสวยงามของแตงโมจริงๆ เหมือนนางฟ้า นี่คือคลิปสุดท้าย ในชีวิตผู้หญิงคนนึง ตอนนี้คนทั้งประเทศรักเธอ เพลงที่ได้ฟัง คือเพลงที่แตงโมร้องและเปิดให้เพื่อนฟัง ไม่มีอีกแล้วนะ นี่คือสุดท้ายจริงๆ ของชีวิตเธอ เหตุการณ์ตรงนี้ ในช่วงนี้ มันคืออะไร กระติก : หนูถ่ายรูปให้เขาค่ะ เราสลับกันถ่ายรูปอยู่แล้ว อย่างที่บอก ถ่ายคลิปเขาบอกทุกคนบนเรือว่าทำไมไม่ฟังเพลงเขา ปอถามเรื่องวงการบันเทิง เขาคุยกับปอว่าเขาไม่ได้อยากเป็นนักแสดง เขาอยากเป็นนักร้อง เขาเลยบอกทุกคนว่าทำไมไม่ฟังเพลงของฉัน จริงๆ มีอีกเวอร์ชั่นเป็นของผู้ชาย เขาก็เปิดให้ทุกคนฟังว่าเขาร้องเพลงนี้ และมีเพลงอื่นที่เขาไปร้องในรายการ เขาเปิดเกือบทุกเพลง พอดีเขานั่งอยู่พอดี ก็บอกให้นั่งสวยๆ เขาเห็นหนูจะถ่ายก็แสดงท่าอย่างที่เห็น หนูก็บันทึกภาพให้เขา ตอนสองทุ่มครึ่ง หลังจากนั้นอีก 2 ชม. ตกตอน 22.30 กว่านาที? กระติก : อันนี้เหมือนออกจากร้านอาหารเพื่อไปตรงสะพานพระราม 8 ปอบอกว่าตรงนี้ไม่ค่อยสวย เขาพยายามหาที่สวยๆ ให้พวกเรา เรื่องเมา ไม่เมาแน่นอน? กระติก : ค่ะ ประเด็นทำร้ายร่างกาย จะถูกทำลายด้วยภาพที่คุณถ่ายคู่กับเขา หลังจากที่คุณตามหาแตงโมไม่เจอ ตามหานานแค่ไหน? ปอ : เหตุเกิด 4 ทุ่มกว่า จากที่หาถึงตี 1 กว่าๆ ที่อยู่บนเรือ หลังจากนั้นกระติก ก็ยังยู่ที่เอ็นบีซี ซึ่งคือท่าเรือ ตอนที่หากัน คุณขอความช่วยเหลือใครมั้ย ติดต่อใครมั้ย? กระติก : หนูได้ยินว่าคนอื่นโทรหาหน่วยงานแล้ว 191 ตัวหนูทำอะไรไม่ถูก หนูก็ไปหาเบอร์ที่เขาส่งข้อความมาหาหนู คอนแทครุ่นพี่คนนึงก่อนเลยคนแรก แต่ขอไม่เอ่ยชื่อ นี่คืออะไร? แซน : โทรขอความช่วยเหลือในวันนั้น กระติก : หลังจากนั้นโทรหาเรื่อยๆ โทรหาทั้งหมด 3 คน คุยไลน์กับใคร มีชื่อบิ๊ก ที่บอกให้โทรหาคุณหน่อย คุณคุยกับคุณบิ๊กว่าแตงโมตกน้ำ รู้จักหน่วยงานไหนช่วยออกมาได้มั้ย ขอให้โมว่ายน้ำเป็นเถอะ นานจนน่าเป็นห่วง กลัวพี่ แล้วคุยกับใครอีก? กระติก : โทรหารุ่นพี่อีกคนนึง โทรหาก่อน แล้วไลน์ให้รายละเอียด มีการถามว่ารู้ชื่อเรือมั้ย พี่เขาไม่ทราบลักษณะเรือเป็นยังไง ออกมาลักษณะไหน มีใครบ้าง เขาไม่รู้เลย เขาบอกว่าให้เรือกรมเจ้าท่าออกไป 4 ลำ คุณบอกเป็นเรือส่วนตัว คนขับเรือน่าจะได้ยิน ผ่านไป 1 ชม. เดี๋ยวเขาไปประกาศ คุณถ่ายรูปเรือส่งเขาเหรอ? กระติก : น่าจะเป็นข่าวออกมา ปอ : เหมือนเป็นคุณเบิร์ต ต่อมาคุณบอกว่าขอบคุณมาก หนูกลัวมาก ให้เบอร์ติกไป แล้วก็ขอบคุณเขา เขาบอก 15 นาที ยังไปไหนไม่ไกล ถ้าว่ายน้ำได้ขอให้ลอย คุณบอกว่าที่กลัวคือไม่เห็นเขาเลย ขอพระเจ้าช่วยโม เหมือนจมไปเลยแบบนั้น เขาบอกให้ทำใจดีๆ คุณบอกว่าแตงโมแอบไปฉี่ นั่งฉี่ลงน้ำแบบนั้น ประมาทมาก ห้าทุ่ม 37 นาที คุณบอกคนๆ นึงว่าโมฉี่? กระติก : ค่ะ เพราะเราบี้ไล่จากแซน ก็ได้ข้อมูลมาว่าเขาไปฉี่ หลังโมตกไป 1 ชม. คุณพูดว่าโมไปฉี่กับคนที่คุณขอความช่วยเหลือ คุณบอกว่าเพื่อนเล่าว่าจังหวะลุกขึ้นแล้วพลาดตก ขอพระเจ้าเมตตา คุณนั่งอยู่หน้าเรือ กลับเรือมาไม่ทันแล้ว พยายามหาก็ไม่เห็นเลย ถ้าโมเป็นอะไรไป อย่าเล่าแบบนี้กับคนอื่น ต้องให้ข้อมูลว่ายังไง ให้เล่าว่าเดินไปท้ายเรือแล้วตกก็พอ ไม่ต้องเล่าว่าแอบไปฉี่ นี่คืออะไร? กระติก : เจตนาเขาเป็นดารา เพื่อนหนูเป็นดารา ภาพเพื่อนของหนู เขาเป็นนางเอก (เสียงสั่นเครือ) เขาเตือนมาว่าข่าวออกไปเยอะแล้ว เราไม่ทราบว่าตอนนั้นเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ถ้าเขากลับมาจะเป็นภาพพจน์ที่ไม่ดี เราก็รักษาภาพตรงนั้นไว้ ทางติกก็เดินไปบอกทุกคนว่าอย่าพูดอะไรเกี่ยวกับการฉี่ แต่ปอค้านมาว่าไม่ได้ ให้พูดความจริง ปอ : ที่เขามาพูดกับผมคือโมเป็นดารา จะบอกว่าไปฉี่ไม่ได้ เป็นเรื่องภาพพจน์ เราต้องคีฟลุคของเพื่อน ผมบอกไม่ได้ เหตุเกิดต้องพูดความจริง ถ้ายูเมคจะเป็นปัญหา ฉี่ก็คือฉี่ บอกเขาว่าต้องพูดความจริงเท่านั้น ณ วันนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไปกัน 6 คน ตายไป 1 คนตายพูดไม่ได้ 5 คนนี้อยู่บนเรือ ไม่รู้คุณแต่งเรื่องอะไรกันหรือเปล่า คุณสร้างหลักฐานหรือเปล่า พยายามทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้หรือเปล่า จะตอบว่าไง? ปอ : อย่างที่บอก คนตายพูดไม่ได้ ผมไป 6 กลับมา 5 คน 5 คนนี้ถ้าเราจะเตี๊ยมกัน เราคุยกันว่าโมพลัดตกน้ำ เราจะพูดทำไมว่าโมฉี่ให้เป็นประเด็น ให้คนถามว่าโมฉี่จริงมั้ย แต่เราต้องการพูดความจริง ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แซนเล่าให้ฟัง กระติกรับทราบว่าโมฉี่ เราก็ต้องบอกว่าโมฉี่ คุณต้องการยืนยันข้อเท็จจริง มีภาพให้เห็นว่าโมไม่ได้เมาจริงๆ ไม่ติดประเด็นเมาหรือไม่เมา ไปถึงจุดนั้นแล้วเข้าใจจุดนี้ แต่ประเด็นไม่จบ เขาบอกมีภาพผู้ชายคนนึงใส่เสื้อแล้วเสื้อขาด ภาพที่บิ๊กเกรียนเอาไปลง ภาพนั้นเป็นใคร? จ๊อบ : ผมครับ ผมขึ้นไปให้ข้อมูล เขาถามว่าตกตรงไหน ผมก็บอกว่าประมาณตรงนี้ คุยกันไปมา เขาหยิบไฟฉายมาให้ผม ให้ส่องกัน ปรากฏว่าระหว่างส่อง จุดที่ผมพยายามชี้กับจุดเจ้าหน้าที่ไม่ตรงกัน เพราะมันเป็นไฟฉายกว้างๆ วนๆ เขาบอกว่ายังไม่ชัดเจน ขอสโคปให้แคบกว่านี้อีก อันนี้ใคร? จ๊อบ : ผมครับ เรือลำนี้ถ้าจะจอดเทียบท่าต้องมีกันชน เหมือนเป็นทุ่นติดข้างๆ เรือ เพื่อเวลาเอาเรือเทียบกับท่าหรือโป๊ะไม่ใสสห้กระแทก ไม่ให้เรือเสียหาย ถ้าเห็นตรงเรือมีคล้ายๆ รูเป็นเหล็ก เราก็เสียบเข้าไป เขาบอกเหมือนภาพคุณทำร้ายแตงโม? จ๊อบ : เป็นภาพที่ผมติดกันชนเลยครับ ผมติดทุ่นอยู่ เรือลำนี้ต้องติดทุ่นสองอัน บนเรือผมเป็นน้องสุด มีอะไรก็พยายามช่วยทุกคน ผมคอยติดทุ่นตลอดเวลา เวลาทำอะไรก็ตาม ภาพเสื้อที่ขาด คุณเอาเสื้อตัวนี้มามั้ย? จ๊อบ : เอามา ยังไม่ได้ซักเลย ตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ผมอยู่บ้านได้น้อยมาก ไม่ได้ซื้อมาใหม่? จ๊อบ : จะซื้อมาใหม่ทำไมครับ พิสูจน์ได้ครับ เอาเลยครับ คุณยืนยันว่าตัวนี้? จ๊อบ : ตัวนี้เลยครับ เพราะผมยังไม่ได้ซัก ไม่มีรอยขาด? จ๊อบ : ไม่มีครับ ตอนที่อยู่บนเรือ หลังวนไปหาแล้ว ตอนนั้นช่วยอะไรยังไงกันบ้าง? จ๊อบ : ด้วยตัวผมเองเป็นพวกขาลุย พวกพี่เขาก็โทรกันไป ฆแต่ตัวผมเอาตัวไปแนบหน้าเรือ ผมมีมือถือสองเครื่อง เปิดไฟฉายมือถือเครื่องนึงแล้วโยนไปที่เก้าอี้ ใช้อีกเครื่องแล้วเอนลงไป จังหวะนั้นผมก็กลัวตายเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้ ตรงนี้คือหน้าเรือ ตัวผมเอนแล้วฉาย ตัวผมบางจังหวะยังมือจุ่มน้ำ แต่แล้วแต่คลื่น บางจังหวะก็ไม่ถึง ผมทำอยู่อย่างนั้น พวกพี่ปอ คนอื่นเขาตะโกนเรียกโมๆ ตัวผมมีบ้าง แต่เน้นแทบจะเอาหน้าให้เห็นผิวน้ำที่สุด เพราะผมเป็นคนดำน้ำ ถ้าเราตกน้ำสิ่งที่ควรมอง มันคือการตะกุยหรือยื่นมือขอความช่วยเหลือ ผมทำหน้าที่ตรงนั้น จังหวะนั้นผมได้ยินอยู่ไม่กี่อย่างว่า 10 นาที่แล้วนะ 20 นาทีแล้วนะ ผมก็มองหันไปเรื่อยๆ อย่างพี่ปอ ก็บอกว่าลองขับแบบนี้มั้ย เราขับวนมันอาจจะพัดหรือเปล่า เรามีการสื่อสารกับทางโป๊ะตลอด ว่าตอนนี้มีคนตกน้ำยังไง เจ้าหน้าที่เขามาแต่เขาบอกว่าไม่มีเรือ ในมุมมองผม ถ้าเขาไม่มีเรือแสดงว่าตอนนี้พี่ก็ช่วยเราไม่ได้ แต่เรามีเรือของเราอยู่ ที่เรายังไปบีบแตรเรือลำอื่นแล้วตะโกนว่ามีคนตกน้ำให้เขามาช่วยแต่ก็ไม่มีนะครับ งั้นเราก็หาเท่าที่เราทำได้ ตัวผมก็บอกพี่ปอว่าเราขับซิกแซกดูมั้ย ตอนนั้นเราคุยกับทางบนบก ผมตะโกนว่าน้ำพัดไปทางไหน เขาบอกว่าขึ้นไปทางนนท์ ก็ชวนพี่ปอขึ้นไปดูกันวนอยู่นานมาก แต่ถามว่ารู้เวลามั้ย ผมไม่รู้ เหมือนทุกคนกำกับเวลา ว่า 10 นาทีแล้ว 20 นาทีแล้ว ซึ่งก็ยังไม่เจอ ผมยังบอกพี่ปอว่าพี่ไปตรงโน้น ไปจุดตรงนี้ ไปดูตรงไม้ดำๆ หน่อย ผมรู้สึกขนลุก บางครั้งผมมีเซ้นส์นิดๆ หน่อยๆ หรือเราลองแล่นแบบซิกแซกมั้ย แต่พี่เบาหน่อยนะ นี่คือสิ่งที่ผมทำ หลังวนหากันอยู่อย่างนั้น นานมั้ย? กระติก : 2-3 ชั่วโมงได้ เทียบท่ากี่ครั้ง? ปอ : 2 ครั้งครับ ครั้งแรกหลังหาไม่เจอ นานแค่ไหนถึงเทียบท่า? ปอ : ประมาณชม.นึง เทียบท่าทำไม? จ๊อบ : พอดีผมเห็นไฟ ตอนแรกที่ทุกคนมาไม่มีไฟฉาย ผมอยู่ด้านหน้าตลอด พี่ปอเป็นคนขับ ผมบอกพี่ปอ ตรงนั้นเหมือนมีไฟเต็มเลย ผมบอกว่าให้เข้าไปก่อน น่าจะเป็นรูปที่ผมไปยืนแล้วเหมือนชี้อะไรพวกนี้ด้วยหรือเปล่า เพราะตัวผมเองมีทั้งลงเจ็ตสกี ไปขึ้นบก แล้วลงเจ็ตสกีกลับขึ้นมา ตอนเขาบอกว่าจุดไม่ละเอียดพวกพี่ทำงานไม่ได้ คนขับเจ็ตสกีก็อยู่กับผม ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวพาไป ปอ : ระหว่างเกิดเหตุ หลังจ๊อบตะโกนว่ามีคนตกน้ำ เราวนกลับมาดู สิ่งแรกที่เราทำ เราเร่งค้นหาในพื้นที่ละแวกตรงนั้น พอเร่งค้นหา จ๊อบอยู่หัวเรือ เบิร์ตอยู่ช่วงหัวเรือ ช่วยกันหา ผมขับวน เป็นวงกลมบ้าง ซิกแซกบ้าง สิ่งที่ได้ยินข้างๆ ตลอด คือแซนบอกว่าตอนนี้กำลังจะมีเรือออกมา 4 ลำ ประสาน 191 แล้ว ประสานเพื่อนๆ ใครอยู่ใกล้ๆ ช่วยออกมา เขาสองคนประสานคนเยอะมาก ส่วนผมท่าเรือเอ็นบีซี ก็บอกเบียร์เอาเรือออกเดี๋ยวนี้ เพื่อนพี่คนตกน้ำ เบียร์ออกมาพร้อมบอล เจ็ตสกีช่วยกันค้นหาและบอกว่าเกิดเหตุอะไร ระหว่างนั้นจ๊อบออกไปกับเจ็ตสกีช่วยหาด้วย รอบแรกมาหนึ่งลำก่อน แต่หนึ่งลำไม่พอ เลยกลับไปเอามาอีก จ๊อบ : ทำไมลงเจ็ตสกี เพราะผมคิดว่าผมจำภาพได้ คนอื่นผมไม่รู้ยังไง ผมก็อาสาลงเอง ไม่ต้องมานั่งคิดมาก นี่คือเหตุการณ์แรกที่เทียบท่า? จ๊อบ : เหตุการณ์ที่สองแล้ว เทียบท่าครั้งแรกไม่มีชูชีพ คุณเป็นคนข้นมาและมีปากเสียงกับกู้ภัย เกิดอะไรขึ้น? แซน : ก็ขอโทษพี่กู้ภัยและทุกท่านที่มาช่วยเหลือวันนั้น วันนั้นแซนตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เลยอาจมีกิริยาที่ไม่เหมาะสมไปบ้าง ขอโทษจริงๆ ที่พูดไม่สุภาพ ที่คุณให้สัมภาษณ์ที่บอกว่ากู้ภัยมาช้า? แซน : (ยกมือไหว้) ขอโทษจริงๆ ค่ะ ที่พูดจาไม่เหมาะสม หรือมารยาทไม่ดีใส่ ขอโทษจริงๆ ค่ะ คุณไปพาดพิงไปว่าเขาทำไม เขามีหลักฐานหมดว่าเขาไปโอเคแล้ว ? แซน : ตอนแรกไม่ทราบว่าเขาเป็นพี่กู้ภัย คิดว่าเขาเป็นชาวบ้านแถวนั้นมายืน เพราะไม่เห็นอุปกรณ์ หรือมีเรือ คำว่ากู้ภัยเราคิดว่าจะมีเรือมาช่วยเราหา แล้วเขาอยู่บนบก ไม่คิดว่าเป็นพี่กู้ภัยมาช่วย เพราะเราแจ้งทางน้ำ วันนี้ก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่ผ่านมาไม่ได้ยินพวกคุณขอบคุณกู้ภัยเลย เขาลงพื้นที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเขาสุด รวมถึงคุณเปิ้ล เขาลงเพื่อการนี้ ขอโทษด้วยใจจริงนะ ก่อนขอโทษใครต้องรู้ว่าทำผิดอะไร จะได้ขอโทษเขาอย่างสง่างาม? แซน : ขอโทษที่เข้าใจผิดว่าพี่ๆ เขาไม่ใช่กู้ภัย เลยมีกิริยาแบบนั้น เพราะไม่ทราบว่าเขาเป็นพี่กู้ย ตอนนั้นไม่ทราบจริงๆ ว่าพี่ๆ กู้ภัยเขามาแล้ว คุณเอาเรือมาวนหาอีก เทียบท่าทำไมครั้งที่สอง? กระติก : หนูปวดท้องเข้าห้องน้ำ ไปเล้าหรือปอ ตอนแรกเขาจะไม่เข้ามาเลย จะค้นหาอย่างเดียวหนูพยายามกลั้นแล้ว ก็บอกว่าไม่ไหว ขอเหอะ ในเรือมีห้องน้ำมั้ย? ปอ : มีครับ ทำไมแตงโมไม่เข้า? ปอ : ผมตอบไม่ได้ ผมไม่ทราบว่าโมรู้มั้ย เพราะไม่ได้พูดว่าในเรือมีห้องน้ำ ห้องน้ำสังเกตง่ายมั้ย? ปอ : ถ้าคนเคยนั่งเรือประเภทนี้จะรู้ อย่างคุณแซนขี้นมาจะรู้ เพราะมันเหมือนห้องเก็บของ ผมเปิดฝา แซนก็ถามว่ามีชักโครกด้วยเหรอ ห้องน้ำเข้าได้แต่มีของในห้องน้ำ ถ้าจะใช้ห้องน้ำต้องมูฟของก่อนถึงเข้าได้ แซนรู้? แซน : รู้ค่ะ แต่เห็นของเต็มในห้องนั้น ก็คิดว่าคงไม่มีใครใช้ คุณเทียบท่าไปขึ้นห้องน้ำ? กระติก : ไปขอห้องน้ำชาวบ้านใช้ มีพี่คนนึงใจดีให้เข้า โดยมีพี่เบิร์ตประกบ เราตั้งใจกลับไปที่เรือ แต่เขาไม่เห็นเรือแล้ว เขาออกไปแล้ว ก็ยืนงงคุยกับพี่เบิรตว่าทำยังไงดี เรากลับไปยืนอยู่ตรงนั้นจะขัดขวางเจ้าหน้าที่หรือเปล่า เรากิคดกันเองว่าไปท่าเรือโน้นมั้ย หนูนัดกับรุ่นพี่ไว้ แล้วก็เรียกแกร็บมาแล้วก็ไปที่เอ็นบีซี ปอ : ที่กระติกบอกว่าจะกลับขึ้นเรือแต่เรือไม่อยู่แล้ว จริงๆ ไม่ใช่ ระหว่างที่อยู่บนเรือ มีผม จ๊อบ แซน ก่อนกระติกให้จอดเพื่อขอเข้าห้องน้ำ ผมบอกว่าเราหากันเหมือนคนบ้า เราวนแล้วก็ตะโกนอยู่ลำเดียว โมๆๆ ไม่หยุดเลย จนกระติกบอกว่าปอไม่ไหวแล้ว ต้องให้เทียบท่า พอเทียบท่า ตอนนั้นคนเยอะมาก กระติกก็ไปเข้าห้องน้ำ พอกระติกจะกลับ เบิร์ตบอกว่าตอนนี้ทีมงานมากันเยอะแล้ว เราก็เดินกลับมาลำบาก เพราะคนรุมเต็มเลย สรุปคุณไปที่ไหน? กระติก : กลับไปท่าเรือที่เดิมค่ะ พอดีคุยกับพี่โบ TK เขามาพอดี มีพี่โบกับแฟนก่อน ระหว่างนั้น คุณบีมกับแฟนเขาก็ค้นหากันอยู่ คุณกลับไปตามภาพนี้ เวลา 01. 09 นาที อยู่นานแค่ไหน? กระติก : อยู่ถึงตี 3 กว่า ทำไมไม่กลับไปหาโม? กระติก : อยู่ตรงนั้นเราอธิษฐานให้โม พี่โบนำอธิษฐาน เพราะเรารู้ว่าโมไม่ปลอดภัย พอนำอธิษฐานเสร็จเราก็รออยู่ตรงนั้น พี่โบบอกว่าเดี๋ยวบีมมา เราก็มาคุยรายละเอียดว่าแม่น้ำเป็นยังไง กฆ็เล่าเหตุการณ์ให้พี่เขาฟัง ความเป็นไปได้ เราปรึกษาหารือกัน โดยเราคิดไม่ถึงว่าจะเป็นการที่เราไม่กลับไปตรงนั้น เราเสียใจนะที่ไม่ได้อยู่ ณ ที่นั้น แต่ในความรู้สึก ณ ตอนนั้นเราไม่ได้ไปไหน เราก็อธิษฐานให้เพื่อนเราริมแม่น้ำ ในคลิปใครมา? กระติก : ฮิปโป ทุกคนคอนแทคหนูค่ะ หลังจากนั้นคุณไปไหน? กระติก : เราอยู่ตรงนั้นจนถึงตี 3 ติกก็กลับไปบ้านโม เพื่อไปดู เผื่อโมกลับไปบ้านมั้ย เราก็ยังมีความหวัง เพราะเราไม่ได้เจอเขา เรากลับไปบ้านไปดูว่าโมกลับที่บ้านมั้ย ของเขาอยู่ที่เรา คุณคิดว่าแตงโมอาจมีใครมาช่วย หรือตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ แล้วกลับไปที่บ้านแล้ว คุณเลยคิดว่าเดี๋ยวโมติดต่อไม่ได้ กลับไปดูที่บ้านก่อน แล้วทำไมไม่กลับมา? กระติก : ณ ตอนนั้นเราก็สติแตกไปแล้ว แล้วช่วงเวลานั้นเราเห็นข่าวว่าคุณแม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เหมือนมีประเด็น เราก็ไม่กล้าไปสู้หน้าแม่ เพราะเราได้ยินว่าทำไมกระติกไม่มาหาแม่ตรงนี้ เราก็กลัวแล้วว่าทำไมเราไม่คิดถึงแม่เลย เราก็ตกใจ คุณบอกว่าแม่ไม่ใช่นักประดาน้ำ? กระติก : ก็ขอโทษแม่มากๆ จริงๆ ไม่ได้อยากสื่อสารแบบนั้น หนูเสียใจ ขอโทษมากๆ ที่เมื่อวานใช้คำพูดแบบนั้น ยิ่งทำให้คุณแม่เสียใจไปอีก มีประเด็นที่หนูไม่โทรหาเขาอยู่แล้ว แล้วเมื่อวานหนูก็ทำให้เขาเสียใจอีกรอบกับคำพูด ปกติเป็นคนพูดแบบนี้อยู่แล้ว? กระติก : ขอโทษนะคะ ปกติบุคลิกหนูพูดไม่เพราะอยู่แล้ว เป็นเสียงแบบนี้ แล้วเรายิ่งตกใจ มันเกี่ยวกับคำพูด? กระติก : ณ ตอนนั้นหนูมองภาพแบบนั้น เราเลยพูดโพล่งออกไป คิดว่าโทรหาแม่ก็คงช่วยไม่ได้? กระติก : ใช่ค่ะ หนูก็สะเพร่าที่คิดแบบนั้น อันนี้หนูขอโทษจากใจจริงๆ หนูไปตกตะกอนแล้วมันไม่สมควรจริงๆ ขอโทษแม่ด้วยค่ะ สิ่งที่คุณพูดออกไปคนด่าคุณทั้งประเทศ แม้แต่เพื่อนสนิทแตงโม เขารู้จักคุณด้วย เขายังด่าคุณเลย? กระติก : ก็สมควรโดนค่ะ จะอยู่กันยังไงชีวิตต่อไป? กระติก : ก็ต้องยอมรับ มันเกิดไปแล้ว หนูพูดไปแล้ว ตอนนี้หนูสำนึกแล้ว ขอโทษกับทุกคำที่พูดออกไปไม่เหมาะสม หนูคิดน้อย เฟียสเหรอ? กระติก : ไม่ได้เฟียส กวนตีน? กระติก : ไม่ได้ตั้งใจกวนตีนด้วยซ้ำ คือมันเป็นภาพในหัวแล้วมันโพล่งออกมาจริงๆ โดยไม่ได้กลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดที่ดูดีกว่านี้ สถานการณ์หนูไม่ทราบเลยว่าคำถามจะมีอะไรบ้าง ตอนนั้นมันกดดันมาก คุยกับแม่หรือยัง? กระติก : คุณแม่โทรมา คุยไปรอบนึง แต่ว่ายังคุยไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นมีร้องไห้ฟูมฟายใส่แม่เขาฟังไม่รู้เรื่อง ตอนนิติเวชรอบนึง คุณแม่โทรมาแค่นั้นเอง หลังจากกลับไปบ้านคิดว่าแตงโมอาจมีคนช่วยไปหรือเปล่า มีโทรศัพท์อยู่กับเรา พอไม่เจอ ไม่กลับมาที่นี่แล้วเพราะเห็นแม่ให้สัมภาษณ์แล้ว กลัวโดน? กระติก : ไม่กล้าเผชิญหน้าแล้ว กลัวค่ะ เอาลูกเขามาเที่ยว แล้วไม่ดูลูกเขา ไม่รู้จะสู้หน้ายังไง หนูก็เป็นแม่ ก็ขอโทษที่หนีสถานการณ์นั้นที่จะเผชิญหน้ากับแม่ จริงๆ เราต้องกล้า เราโตแล้ว กระบวนการคิดเราต้องมี แต่ ณ ตอนนั้น... โทรศัพท์โมอยู่ไหน? กระติก : หนูส่งให้แม่บ้าน ของอยู่ในกระเป๋า ตั้งแต่เอาใส่ต่อหน้าโม หนูไม่ได้จับโทรศัพท์โมเลย มันก็ก็อยู่ในกระเป๋าแบบนั้น แล้วตอนเพื่อนยกมาก็อยู่ในกระเป๋าซ้อนกระเป๋า พอถึงบ้านหนูก็หยิบของหนู ของโมที่อยู่ในกระเป๋าหนู หนูก็หยิบใส่กระเป๋าเขา แล้วหลังจากนั้นก็ไม่รู้อีกเลย ในคืนนั้นเลยค่ะ เอาโทรศัพท์คืนให้แม่บ้านคือป้าแตง แล้วก็ไม่สนใจแล้ว หลังจากนั้นไปไหน? กระติก : กลับไปอยู่ที่บ้านอยู่คนเดียว และนั่งคิดถึงเพื่อน (ร้องไห้) หนูคิดถึงมัน แต่ไม่รู้จะทำยังไง หนูไปไม่เป็น ไมเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ มันหนัก แต่ด้วยความที่เราไมได้ร้องไห้ฟูมฟายกับใคร เราเปิดคลิปนั้นดูคนเดียว หนูทรมานนะพี่หนุ่ม (ร้องไห้) หนูรู้สึกผิด แต่แค่ไม่ได้แสดงออกมา มันอาจแข็งไปหน่อย หนูก็ต้องยอมรับ มันเลยทำให้เราเจอสถานการณ์อะไรแบบนี้ เราเก็บเยอะ เราเลือกเสียใจกับตัวเองมากเกินไป ทำไมไม่แสดงออกไป เพราะความแข็งของเรา ทำไมไม่หัดอ่อนบ้าง วันนี้มองเห็นข้อเสียของตัวเอง เป็นสิ่งที่ใหญ่หลวงมากๆ และต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่โทษใคร โทษตัวเอง คุณพูดว่าเหมือนแตงโมตายรายได้เราก็ขาด? กระติก : ประเด็นนี้มันกว้างมาก หนูกับโมไม่ใช่แค่นั้น ทุกคนรู้อยู่แล้วเราเป็นเพื่อนกันมานาน ตั้งแต่ก่อนทำงานกับโมอีก ฉะนั้นไม่มีเรื่องเงินเลย เขามาอยู่บ้านหนูด้วยซ้ำ คุณแต๊งค์แฟนเก่าคุณโมก็ทราบดีว่าเราอยู่ด้วยกัน แต๊งค์ยังไม่เชื่อเลย? กระติก : หนูเข้าใจ เพราะเราแยกมาแล้วหลายปี เขาไม่สามารถมารับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต๊งค์เขาไม่สบายใจ เพราะจ๊อบกับเบิร์ตไม่ปรากฏตัวเลย วันนี้เบิร์ตก็ไม่ปรากฏตัว ก็คงบังคับเขาไม่ได้ แต่คุณสองคนบริสุทธิ์ใจออกมาพูด ส่วนคนนั้นไม่รู้ด้วยประการใด ยกไปตรงที่คุณบอกแอดมิทแล้วกัน หลังจากนั้น? กระติก : เราคบกันมาเรื่อยๆ จนหนูมาเป็นผู้จัดการให้ หนุอยากอธิบายแต่เราอธิบายไม่ค่อยเก่ง เราไมได้เป็นแค่เพื่อน เป็นแค่คนทำงานให้ โมเป็นทั้งแม่อีสเตอร์ มันเป็นชีวิตเรา ไม่มีเขา เราก็แย่นะ แย่ในทุกๆ เรื่อง แย่เรื่องเสียเพื่อน เสียบัดดี้ไปทุกอย่าง ความเป็นโมไม่อยู่แล้ว คุณกำลังจะบอกว่าโมดูแลชีวิตคุณและลูกคน ถ้าไม่มีโม ชีวิตคุณก็พัง? กระติก : นั่นแหละค่ะ แต่คุณสื่อมาอีกภาษานึงเลย? กระติก : นี่คือข้อเสียของหนู ต้องยอมรับให้ได้ และควรพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงข้อเสียตรงนี้ โมมอบมรดกให้ลูกคุณ ? กระติก : ตรงนี้บอกเลยว่าไม่มีเลย ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีการเซ็น จดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น หนูเป็นแม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราช่วยกัน ไม่ใช่หนุผลักภาระให้โม อันไหนทำได้ก็ทำในส่วนหนู อันไหนทำไม่ได้ก็พูดตรงๆ ไม่มีการยกภาระให้โมทุกอย่าง แต่ภาพที่สื่ออกไป โอเคเรายกหน้าที่ให้ เพราะโมเป็นแม่บุญธรรม หนูก็ทำงาน โมก็ทำงาน แต่เราคุยกันตรงๆ เราเพื่อนกัน คุณรู้สึกยังไง ครั้งนึงโมเคยพูดว่าเขารักคุณมาก ชีวิตเขาขาดคุณไม่ได้? กระติก : หนูก็รักโม ไม่ใช่ไม่รักโม (เสียงสั่นเครือ) แต่ด้วยหนูไม่เคยเจอสถานการณ์อะไรเลย หนูเข้าใจนะ ณ ตอนนี้ยังคิดว่าโมส่งบททดสอบที่เขาเคยเจอมาให้หนูว่าเขาเจออะไรมาบ้าง หนูยังคุยกับเพื่อนเลยว่า หนูเจอแค่นี้ยังรู้สึกหนัก ทำไมเดี๋ยวจะร้อง เดี๋ยวก็ไม่ร้อง? กระติก : หนูไม่ชอบร้องไห้ต่อหน้าใคร หนูเป็นคนแข็ง การร้องไห้เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ อยากร้องก็ร้องสิ ทำไมต้องไปอัดอั้นมันไว้ ร้องไม่ได้ เพื่ออะไร ดูอย่างโมสิ ไม่รู้ชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน ทำไมชีวิตจะร้องไห้ก็ร้องไม่ได้ แค่รู้สึกว่าตัวเองกำหนดเอาไว้ ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าคุณมีความจริงใจหรือเปล่า ร้องไม่ร้อง ร้อง 3 วิก็หยุดแล้ว นี่พูดให้เห็นข้อเสียตัวเองนะ ว่าเวลาคนเขาว่า เขาว่ามุมไหน? กระติก : เป็นเพราะแบบนี้ หนูเลยไม่อยากออกมาพูดอะไร เพราะว่าหนูทำตัวไม่ถูก มันไม่เป็นธรรมชาติของหนู พอหนูเป็นธรรมชาติออกไป ทุกคนรับหนูไม่ได้ (สะอื้น) ไม่รู้เขาหวังจะเห็นอะไรจากเรา มันไม่ใช่ตัวเรา หนูชอบอยู่คนเดียว แล้วร้องไห้กับตัวเอง ณ ตอนนั้นต้องมีสมาธิ ต้องพูด มีกล้องมีอะไร มันไม่ใช่เวย์ของหนู ขนาดพูดกับพี่หนูยังต้องดึงสติกลับมาพูดกับพี่ให้รู้เรื่องเลย ไม่ต้องดึงหรอก เราเป็นคน ไม่ใช่เครื่องจักร เราเป็นมนุษย์ มีชีวิตจิตใจ สามารถร้องได้ หัวเราะได้ เป็นมนุษย์คนนึง อย่ากักตัวเองมาก พูดด้วยความเป็นห่วง ดูคุณ 100 คนก็ด่าคุณ 100 คน ต้องเปลี่ยนมุมมอง คำพูด คำจา การแสดงออก ต้องคิดว่าตัวเองคือคน มีเนื้อหนัง มีความรู้สึก สุดท้ายบอกว่าไม่กลับไปเพราะกลัวเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น คุณร้องไห้ไม่ได้นอน ไม่กลับไปตอนเช้าเพราะอะไร? กระติก : ประเด็นเปลี่ยนไปเยอะมากๆ มันถาโถม มันหนัก มันเริ่มเป็นประเด็นอื่นไปแล้ว หนูเลยคิดว่าต้องปรึกษาใคร ที่เขาให้คำปรึกษาได้ว่าเราจะไปยังไงต่อดี แซนเอาตรงๆ ทำไมไม่อยู่รอเพื่อน? แซน : ตอนนั้นช่วยหากันจนสุดความสามารถ เพลียเหนื่อยและเจ็บตามาก กลับประมาณตี 3 ตี 4 ได้แล้ว ก็กลับไปบ้านแล้วไม่ได้กลับไปอีก มีความคิดจะกลับไปมั้ย? แซน : แซนเห็นคนมาช่วยหาเยอะแล้ว ก็เลยไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถช่วยเหลืออะไรได้มากไปกว่านั้นแล้ว ตอบแบบนี้คนก็ด่าอีก เข้าใจในมุมที่คุณหาจนถึงตี 4 ไม่ไหวเหมือนกัน กลัวจะเป็นภาระกู้ภัย ก็เลยไม่ออกไปแล้ว คุณต้องการสื่อแบบนี้? แซน : ใช่ค่ะ จ๊อบล่ะ? จ๊อบ : ผมไปหาอีกวันกับพี่เบิร์ต คุณไปแล้วกลับมาอีก กลับมากับใคร? จ๊อบ : พี่เบิร์ตเพราะเราแบ่งงานจะออกตามหา วันรุ่งขึ้นไปกับคุณแชมป์ 300 กะรัต เราไปออกตามหา ตอนแรกจะไปออกที่ท่าเอ็นบีซี แต่เขาบอกว่าท่าโดนปิดอยู่ คุณก็ลงพื้นที่? จ๊อบ : ใช่ครับ มีผมกับพี่เบิร์ต คุณล่ะ? ปอ : ณ เหตุการณ์ตอนนั้น ถามว่าเรากลับเพราะอะไร เราหาตั้งแต่สี่ทุ่มกว่าๆ จนเหตุการณ์ที่เราเริ่มกลับคือตี 1 ตอนนั้นผมมีทีมของผมที่เอ็นบีซี และบีมศรัณยูช่วยกันหา เราก็หาเผื่อมีการลอยมาที่เอ็นบีซี แมสเสจที่คุยกับกระติก เขาบอกว่าของๆ โมอยู่กับติก มือถือโมอยู่กับติก ถ้าปาฏิหาริย์เกิดขึ้นคือโมรอด เชื่อว่าที่เดียวที่โมจะติดต่อติกคืออยู่ที่บ้าน ฉะนั้นติกขอกลับบ้านเผื่อไปเจอโม ระหว่างนั้นเริ่มมีข่าวออกมาเยอะมาก มาถึงตอนเช้าพวกเราไมได้นอน เราคุยกันว่าเราทำแบบนี้ เราไปช่วยกันหาโม สิ่งที่ผมทำได้คือน้องผมชื่อแชมป์ เอาเรือออก ทีมงานแชมป์ที่มีเจ็ตสกีสามารถลงได้ เราลงเต็มที่ เราเตรียมข้อมูลว่าจะเอาเรื่องจริงทั้งหมดมาให้กับทางตร. เช้าวันนั้นก็ให้พี่ชื่อเอ็ม ติดต่อผู้กำกับว่าเราจะเข้ามาให้ปากคำ กลุ่มนึงลงพื้นที่พร้อมทีมงาน ตอนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะท่าเรือที่เราเอาเรือลงได้เลยคือปิด แต่เราทำเต็มที่ เราไม่ได้หยุดที่จะกลับบ้าน เราลงพื้นที่ อีกส่วนนึงเราช็อกมาก ถามผมวันนี้หลับตาผมยังนอนไม่หลับ ยังเห็นหน้าโมอยู่ตลอด เป็นเรื่องที่ผมเชื่อมั่นว่าถ้าใครไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิต คุณไม่มีทางเข้าใจ ภรรยาคุณจะไปฟ้องคนโน้นคนนี้? ปอ : ได้คุยครับ ต้องยอมรับว่าคุณเบนซ์คงมีความรู้สึกตอนนั้นว่าข้อมูลรายละเอียดปอก็ไม่ได้มาพูด ตอนนั้นคนด่าทั้งประเทศ ด่าไปถึงลูกผม คุณเบนซ์เลยออกมาโพสต์ แต่หลังจากนั้นคุณเบนซ์ก็รู้สึกผิด ผมก็ตำหนิว่าคุณเบนซ์จะโพสต์แบบนี้ไม่ได้ เขาก็ลบโพสต์และออกมาขอโทษ พูดตรงๆ ว่าเป็นเรื่องที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราได้มาออกรายการ และนำข้อมูลมาเล่าให้พี่น้องประชาชนได้ฟัง แต่ผมเข้าใจ ไม่มีใครอยากสูญเสีย เราไม่อยากเสียเพื่อนของเราไป ต้องบอกว่าเป็นการสูญเสียที่มันช็อกมากๆ เราเสียใจมากๆ เสียใจอย่างที่หนึ่งเลย ผมเสียใจที่นางเอกขวัญใจประชาชน เพื่อนผม เพื่อนเรา จากไปโดยที่เราไม่ได้มีความรู้สึกตั้งตัว ทุกคนต้องการคำตอบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืออะไร เราไม่ได้ออกมาพูด หลังเหตุการณ์ผมก็ไปให้ปากคำที่สน. อยู่ที่นั่น 2-3 วัน เข้าหนึ่งวัน วันที่หนึ่ง ออกมาทุ่มครึ่ง ผกก. สอบสวนละเอียดมาก ให้ปากคำละเอียด ระดับท่านผู้การมาคุม หลังจากนั้นผมไม่ได้กลับบ้านอีกเลย ผมถูกล็อกตัวตรวจ จบจากรายการจะไปไหน? ปอ : ผมจะติดต่อแม่คุณโม วันนี้เป็นวันแรกที่ได้ออกมา อยากไปพบคุณแม่โม ก่อนหน้านี้ติดต่อครั้งนึง โทรไปขอโทษคุณแม่ ขอแสดงความเสียใจกับคุณแม่ และขอพบ แต่วันนั้นคุณแม่ไปพบตร. หลังจากนี้ผมจะไปขอแสดงความเสียใจกับคุณแม่ ไปขอโทษคุณแม่ ที่ผมเป็นเจ้าของเรือ เป็นเพื่อนที่อยู่กับโมในกลุ่มสุดท้าย ผมเข้าใจ ผมมีลูก ถ้าวันนึงลูกผมจากผมไป ผมไม่ฟังเหตุผล (เสียงสั่นเครือ) ผมรู้อย่างเดียวว่าใครอยู่กับลูกผม เราไม่ฟังประเด็น เราต้องโมโห โกรธแค้น เพราะเขาได้พรากสิ่งที่รักที่สุดในชีวิต ผมเข้าใจคุณแม่ และผมน้อมรับความเสียใจตรงนี้ ผมขอให้คำมั่นสัญญากับคุณแม่ เพื่อนๆ ผม รวมถึงตัวผม จะดูแลงานศพ จะดูแลคุณแม่ เปรียบเสมือนผมเป็นลูกชายคุณแม่หนึ่งคน เพื่อนผมทุกคนจะดูแลคุณแม่ไม่ให้น้อยกว่าที่โมดูแลคุณแม่ ขอให้คำมั่นสัญญากับทุกคนที่ดูโหนกระแสอยู่ตอนนี้ ผมขอให้คำมั่นสัญญา เงินเยียวยา? ปอ : ผมเยียวยา ทุกอย่างที่ผมทำได้ ผมขอให้คำมั่นสัญญา เพื่อน ผม รวมถึงเบิร์ต เราจะดูแลแม่อย่างเต็มที่ ผมไม่เคยได้ออกมาพูดเลย นี่เป็นครั้งแรก นอกจากเหตุเกิดที่โรงพัก สิ่งหนึ่งผมขอกราบขอโทษคุณแม่คุณโม ขอโทษแฟนคลับปวงชนที่รักคุณโมทุกคน ผมเป็นเจ้าของเรือ เป็นเพื่อนกลุ่มสุดท้ายที่อยู่กับโมตรงนั้น ผมขอแสดงความเสียใจจากใจ ผมขอโทษครับ ผมได้สร้างปัญหาให้กับเพื่อนๆ และบุคคลหลายหน่วยงาน พี่นักประดาน้ำ ทีมกู้ภัย ทีมที่มาทำงานอาสาต่างๆ ผมขอบคุณทุกคนที่เข้ามาช่วยทำงานในครั้งนี้ ขอบคุณครับ และสุดท้ายอยากประกาศเลยว่าไม่ว่าจะเป็นคุณแม่โม พวกเราจะดูแลเต็มที่ ผมนับถือศาสนาพุทธ สิ่งหนึ่งที่ผมจะทำหลังเสร็จงาน ผมจะบวชถวายบุญให้กับโมครับ กระติกเป็นจำเลยสังคมก็ต้องยอมรับ เชื่อว่าแตงโมเขารักคุณมาก เหตุการณ์วันนั้นคุณพลาดมากที่ไม่ได้กลับไปดูเพื่อนที่จะเป็นจะตาย เหมือนคุณไม่ได้ให้ความหวังเขา ไม่ได้ให้ความหวัง ในความรู้สึกของตัวเอง ตรงนี้เป็นบทเรียนสำคัญ และจะเป็นสิ่งที่ฝังและเป็นแผลเป็นในใจคุณสองคนตลอดชีวิต เพราะเชื่อว่าคนอย่างแตงโม ถ้าเพื่อนตกน้ำ เขาจะอยู่รอจนกว่าจะเจอ หรือเขาอาจโดดไปเดี๋ยวนั้นด้วยเพื่อตามหาด้วย เขาไม่มีวันทิ้งคุณ? กระติก : จริงค่ะ หนูก็รู้สึกเสียใจ ขอโทษคุณแม่ขอโทษแฟนคลับทุกวันที่วันนั้นดูแลเขาไม่ดีพอ ไม่ได้หันกลับไปดูว่าเขาเดินไปไหนอะไรยังไง หรือเทคแคร์เขาให้ดีกว่านี้ ไม่งั้นเขาก็ยังอยู่กับเราในวันนี้ ขอโทษจากใจจริงค่ะ (ยกมือไหว้) แซน : ขอโทษคุณแม่ด้วย ที่ไม่ดูแลโมให้ดีกว่านี้ (ยกมือไหว้) สังคมประณาม ไม่ได้กลับไปดูแลเพื่อน ก็เหมือนคนเห็นแก่ตัว วันนี้โมไปแล้ว คิดว่าต้องมีการกระทำเกิดขึ้นให้สังคมได้เห็น สิ่งที่พูดก็ตัดสินไม่ได้ว่าผิดหรือถูก เป็นเรื่องกฎหมาย อย่าลืมว่าโมรักคุณ ได้บอกลูกหรือยัง? กระติก : ยังไม่ได้บอกค่ะ ยากสุดค่ะ ยังคิดคำพูดออกมาไม่ได้