ชาวบ้าน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เลี้ยงปูนาในกระชังนำมาแปรรูปทำอาหารได้หลากหลายเมนู โดยโครงการ U2T เข้ามาสอนเทคนิคการขยายพันธุ์ ทำคลอดปูนาให้ความรู้สร้างอาชีพเสริมในชุมชนมีรายได้
วันที่ 28 ก.พ. 65 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่จังหวัดราชบุรีมีการเรียนรู้ปูนาของชาวบ้านหมู่ 1 ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้รวมกลุ่มกันประมาณ 11 ครัวเรือน นำพ่อ แม่พันธุ์ ปูนาสายพันธุ์พระเทพ ลักษณะตัวสีม่วง และพันธุ์กำแพง ตัวสีน้ำตาล เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ สร้างรายได้ เป็นแหล่งโปรตีนที่อยู่กับวิถีชีวิตของชาวนาไทยมาถึงปัจจุบัน ช่วงการทำนาจะพบปูนาอยู่ตามท้องทุ่ง ตามแหล่งน้ำ ชาวบ้านจะจับมาแปรรูปทำอาหาร ในตลาดมีขายราคากิโลกรัมละ 80 - 100 บาท ทำให้ชาวบ้าน นำมาเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ และบ่อพลาสติก เป็นกระชัง ใช้ท่อพีวีซีทำเป็นโครง ต้นทุนการทำกระชังประมาณ 500 บาท โดยโครงการ U2T มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และนายกสโมสรโรตารี่โพธาราม เข้ามาแนะนำการเลี้ยงและการขยายพันธุ์สู่การแปรรูปต่อยอดเมนูอาหาร ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยนำเครื่องสมุนไพรเข้ามาช่วยให้มีรสชาติความอร่อยมากขึ้น
ซึ่งการเลี้ยงจะนำพ่อ แม่พันธุ์ปูนา 10 คู่ ต่อ 1 บ่อ เลี้ยงแบบธรรมชาติ ให้กินผลไม้ เช่น มะละกอ มะม่วง ไข่แดง ข้าวสุก กุ้งฝอย โครงไก่สับ หมูสับต้มสุก บางช่วงจะใช้ใบหูกวางมีสรรพคุณช่วยฆ่าปลิงและพยาธิ ที่อาจจะติดตัวมากับปู จะแบ่งการเลี้ยงออกเป็นบ่อ ตามขนาดของปูแต่ละวัย นำภาชนะแตกหัก เช่น กระเบื้อง กระถาง มาใส่ให้ปูหลบอาศัย สังเกตบ่อไหนมีน้ำลักษณะขุ่นก็จะรีบถ่ายออก เพื่อให้มีความสะอาด เลี้ยงประมาณ 5 - 6 เดือน จึงจะโตเต็มวัยสามารถผสมพันธุ์ได้
ทั้งนี้ นางสาววนิตา สมสิบ อายุ 25 ปี ผู้ดูแล กล่าวถึงวิธีการเลี้ยง ว่า ปูนาจับคู่ตัวผู้ตัวเมียอยู่ด้วยกัน ส่วนการผสมพันธุ์จะสร้างบรรยากาศให้ปูอยู่แบบอากาศที่ชื้น ให้สังเกตตัวเมีย ที่จับปิ้งล่นลงมาถึงครึ่งต้องจับแยกออก เพราะจะเริ่มมีไข่ ประมาณ 3 สัปดาห์ จะทำคลอดด้วยการจับที่กระดองนำไปแกว่งไปแกว่งมาในน้ำ ก็จะทำให้ลูกปูที่อยู่ในท้องหลุดออกไปอยู่ในบ่อ ที่เตรียมไว้โดยใส่จอกแหนและตาข่ายเป็นที่อยู่อาศัยจากนั้นลูปปูก็จะเจริญเติบโต แบ่งการเลี้ยงตามขนาดไซซ์ ตั้งแต่ขนาดเล็ก 1-2 เดือน จะจับขึ้นมาแยกขนาดไซซ์ ดูแลให้อาหารเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ ส่วนปูพิการไม่แข็งแรงจะนำไปแปรรูปทำอาหาร เช่น เมี่ยงปูนา ลาบปูนาข่าอ่อน น้ำพริกปูทอด ปูสามรส และเมนูอาหารอื่น ๆ
ด้าย อาจารย์ ภณิชา จงสุภางค์กุล รองคณบดี วิทยาลัยมวยไทยศึกษา และการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ผู้รับผิดชอบโครงการ U2T เปิดเผยว่า มาต่อยอดการเลี้ยง เริ่มจากการสอนให้ชาวบ้านรู้เรื่องกระบวนการเลี้ยง การให้อาหาร การทำคลอดปู ชาวบ้านได้นำไปต่อยอดเลี้ยงที่บ้าน บางคนอยู่ในช่วงตกงานด้วยสถานการณ์โควิด 19 ก็สามารถต่อยอดทำเป็นอาชีพเสริมได้ หลังจากชาวบ้านเลี้ยงแล้ว ก็ได้ซื้อปูกลับมาแปรรูปเป็นน้ำพริกปูนาสมุนไพร น้ำยาสมุนไพร และเมี่ยงปูนาสมุนไพร และเมนูอาหารที่ทำจากปูนา ส่วนใหญ่ได้มาจากภูมิปัญญาของชาวบ้านขณะนี้ได้นำผลิตภัณฑ์เป็นน้ำพริกปูนาไปฝากขายตามวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ
อย่างเช่น การทำเมี่ยงคำปูนา จะใช้ปูนาที่แกะกระดองออกแล้ว นำมาทอดให้เหลือง จากนั้นนำเครื่องสมุนไพร ทั้งหอม กระเทียม ใบมะกรูด เม็ดมะม่วงหิมพานต์มาใส่คลุกเคล้าให้เข้ากันปรุงรสชาติกลมกล่อมแล้วตักใส่กระปุกบรรจุขายกระปุกละ 50 บาท และยังมีเมนูลาบปูนาข่าอ่อนสมุนไพร ใช้สมุนไพรหลายชนิดในการทำเมนูอาหาร เช่น น้ำมะกรูด ข่าอ่อน ช่วยดับคาวของปูนา และยังมีน้ำพริกปูนาสมุนไพร ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่นี่ที่คิดทำขึ้นเองอีกด้วย
สำหรับผู้สนใจสามารถที่จะศึกษาวิธีการเลี้ยง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ อาจารย์ ภณิชา จงสุภางค์กุล โทร 087-1519063 หรือ นางสาววนิตา สมสิบ 096 – 3594193