วันที่ 23 ก.พ.2565 พ.ต.ท.จิรโชติ กันทะเนตร สว.(สอบสวน) สภ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้ตรวจสอบหลักฐานกรณีเมื่อค่ำวานนี้ได้มีหญิงสาวชื่อ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ชาว ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ปัจจุบันกำลังเรียนหนังสืออยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย และพักอยู่บ้านเช่าพื้นที่หมู่ 4 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าได้ถูกหลอกให้โอนเงินไปให้จำนวนมาก โดย น.ส.เอ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.50 น.วันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีผู้โทรศัพท์ด้วยหมายเลข +80141093031 โทรศัพท์มาหาตนโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.เชียงใหม่ และใช้เสียงเป็นผู้หญิงอ้างว่าเป็นตำรวจพร้อมระบุว่า ตนเองหรือบุคคลอื่นได้ใช้ชื่อของ ตนเอง ส่งพัสดุผิดกฎหมายไปยังต่างประเทศ ทำให้ตำรวจได้รับแจ้งจาก DHL สาขาเชียงใหม่ ให้ดำเนินการและเมื่อตรวจสอบพบพัสดุมีปลายทางไปยังประเทศจีนโดยมีหนังสือเดินทาง 14 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 10 ใบ ซ่อนไว้ในเสื้อผ้า 8 ชุด ปัจจุบันมีคนถูกจับดำเนินคดีแล้ว และหญิงคนดังกล่าวจึงแจ้งให้ ตนเองติดต่อกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยเปลี่ยนการติดต่อเป็นไลน์วิดิโอ และชายคนดังกล่าวซึ่งอ้างว่าเป็นตำรวจเช่นกันได้สนทนาและโอนสายไปให้กับชายอีกคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็น ผกก.จากนั้นได้ให้ดูภาพของคนที่ถูกดำเนินคดี และได้สอบถามหาบัญชีธนาคาร หมายเลขบัญชีและเงินที่อยู่ในบัญชี พร้อมให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 1211249990 ชื่อนายวรชิต เพื่อจะตรวจสอบ ซึ่ง น.ส.เอ (นามสมมุติ) ได้หลงเชื่อและโอนเงินจากบัญชีธนาคารออมสิน สาขาแม่สาย ไปให้ครั้งแรกจำนวน 95,000 บาท จากนั้นเวลา 18.14 น.ได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาแม่สาย ไปให้อีกครั้งจำนวน 12,000 บาท แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่อ้างว่าเป็นตำรวจได้อีกเลย จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย ดังกล่าว ล่าสุด พ.ต.ท.จิรโชติ ได้รวบรวม ได้รวบรวมหลักฐานพื่อดำเนินการตามกฎหมาย น.ส.เอ (นามสมมุติ) กล่าวว่า กลุ่มคนหลอกลวงที่โทรศัพท์มาหาตนได้ข่มขู่ว่าถ้าไม่ดำเนินการจะมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรไปตรวจสอบที่บ้านทำให้ตนกลัวและอยากให้เรื่องจบลงโดยเร็ว และกลุ่มนี้ยังรู้อีกว่าตนเปิดบัญชีธนาคารเอาไว้ 2 บัญชีแต่เขาแจ้งชื่อธนาคารผิด ทำให้ตนเริ่มแจ้งข้อมูลส่วนตัวโดยเฉพาะชื่อบัญชีธนาคารให้พวกเขาทราบ จากนั้นผู้ที่บอกว่าเป็นตำรวจชายได้ทำทีเป็นเข้าไปพบกับ ผกก.และผู้ที่อ้างว่าเป็น ผกก.ก็เริ่มให้ตนโอนเงินเพื่อขอตรวจสอบ โดยอ้างว่าจะโอนคืนมาให้ภายใน 40 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ส่วนสาเหตุที่ตนโอนเงินไปให้ 2 ครั้งเพราะหลังโอนเงินครั้งแรกไปแล้วผู้ที่อ้างว่าเป็นตำรวจได้ขอให้โอนให้อีก 12,000 บาท ทำให้ตนไปหายืมเงินคนอื่นไปโอนให้เพิ่มเติม โดยหลังจากนั้นตนสงสัยจึงได้แจ้งพ่อแม่ให้ทราบและให้พ่อแม่คุยกับผู้ที่อ้างว่าเป็นตำรวจดังกล่าวด้วย แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะได้โอนเงินไปหมดแล้วจากนั้นก็ติดต่อกลับไปไมได้อีกเลย ทางด้านนายลาพิง อายุ 51 ปี บิดาของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) กล่าวว่า หลังจากที่ตนพูดคุยทางโทรศัพท์กับคนที่อ้างว่าเป็นตำรวจตนก็รู้ทันทีว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงพยายามไปอายัดบัญชีและบอกเขาไปว่าจะจัดการเรื่องนี้เองที่ สภ.แม่สาย แต่เขาก็บอกให้ไปจัดการเอาเองจากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ และเมื่อตนกลับมาสอบถามกับลูกสาวก็ทราบว่าได้โอนเงินไปหมดแล้วจึงเห็นว่ารู้ไม่เท่าทันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งๆ ที่กำลังเป็นข่าวดังไปทั่วอยู่แล้ว.