เมื่อเวลา 11.00น.วันที่ 21 ก.พ.ที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ อี๊ฟ พุทธธิดา ศิระฉายา พร้อมครอบครัวเดินทางมารับศพ ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา ผู้เป็นพ่อและศิลปินแห่งชาติ หลังเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดด้วยวัย 77 ปี โดยมีนายวินัย พันธุรักษ์ และนายพิชัย ทองเนียม สองสมาชิกวงดิอิมพอสซิเบิ้ล ร่วมมารับศพเพื่อนร่วมวงด้วยความอาลัย ก่อนจะนำร่างไปสวดอภิธรรมที่ศาลา 1 วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในเย็นวันนี้ ก่อนจะมีการตั้งบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 100 วัน
อี๊ฟ พุทธธิดา กล่าวว่า ที่ผ่านมาพ่ออยู่ในภาวะประคับประคองมาสักพักแล้ว ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ แต่รู้ว่าสภาวะของโรคไม่สามารถรักษาได้ เพราะพ่อทานไม่ได้เหมือนคนไข้หนักหลายๆ เคส หากทานได้ หมอจึงจะรักษาได้เพิ่มเติม และด้วยสภาวะร่างกายแบบนี้ทำให้มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติมขึ้นมา ซึ่งตอนพามา ก็คิดว่าหากพ่อได้พักซัก 2-3 วัน ให้หมอได้ให้อาหารทางสายยางหรือให้น้ำเกลือแล้วอาการคงจะดีขึ้นก่อนพากลับบ้าน แต่กลายเป็นว่า พ่อมาถึงแล้วคงเหนื่อย มีอาการความดันตก มีเสมหะ ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาสั้น แม้จะรู้ว่าพ่อป่วยเยอะ แต่ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้
“พ่อเข้าออกโรงพยาบาลหลายรอบ ต้องดูแลระหว่างโรงพยาบาลกับบ้าน หากมีอะไรที่ไม่สบายตัวสบายใจจะกลับมานอนสักช่วงแล้วกลับบ้านใหม่ จริงๆ ไม่มีสัญญาณอะไร แต่หมอก็เคยพูดว่าอาจจะไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะสามารถทำให้พ่อดีขึ้นได้ มันอาจจะทรงๆ ทรุดๆ หรือทรุดลงไป แต่เราก็ไม่เคยมีประสบการณ์ เราก็เคยคุยกัน เพียงแต่เมื่อวานไม่คิดว่าจะเป็นเหตุแบบนี้” ลูกสาวศิลปินแห่งชาติกล่าว
นายวินัย กล่าวว่า นับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของวงการ พี่ต้อยเป็นบุคคลพิเศษ มีความสามารถรอบตัว สร้างคุณูปการมากมายในวงการบันเทิง เราทำงานกันมาเกือบ 60 ปี เราเสียสมาชิกวงไป 5 คนแล้ว เหลือกันแค่ 2 คน ซึ่งเมื่อ 4-5 เดือนก่อน เรามาเยี่ยมก็ได้บันทึกเทปร้องเพลงเก่าไว้ เพื่อไปโปรโมตคอนเสิร์ตที่เตรียมจะจัดในกลางปีนี้หากพี่ต้อยมีอาการดีขึ้น และนับว่าเป็นการทำงานครั้งสุดท้าย แต่เมื่อเสียพี่ต้อยไป ก็ยังไม่ได้คิดว่าจะจัดงานต่อไปหรือไม่ ยอมรับว่าเสียใจ ขอให้วิญญาณพี่ต้อยไปสู่สัมปรายภพ พี่ต้อยเหนื่อยมานานมาก อยากให้พี่ได้พักผ่อน
/////
ต่อมาในเวลา 12.30 น. ครอบครัวศิระฉายาพร้อมเจ้าหน้าที่รพ.ได้เคลื่อนย้ายร่างจากชั้น2 ขึ้นรถพยาบาลเพื่อนำร่างออกไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดเทพศิรินทร์
อย่างไรก็ตาม กำหนดการในวันนี้ จะมีการนำร่างของอาต้อย เศรษฐา เคลื่อนย้ายไปยังวัดเทพศิรินทร์ จากนั้นในเวลา 15.00 น. ทางครอบครัวจะมีพิธีรดน้ำศพ ต่อมาในเวลา 17.30 น. จะเป็นพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และในเวลา 19.00 น. จะมีพิธีสวดพระอภิธรรม
อี๊ฟ พุทธธิดา กล่าวว่า ที่ผ่านมาพ่ออยู่ในภาวะประคับประคองมาสักพักแล้ว ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ แต่รู้ว่าสภาวะของโรคไม่สามารถรักษาได้ เพราะพ่อทานไม่ได้เหมือนคนไข้หนักหลายๆ เคส หากทานได้ หมอจึงจะรักษาได้เพิ่มเติม และด้วยสภาวะร่างกายแบบนี้ทำให้มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติมขึ้นมา ซึ่งตอนพามา ก็คิดว่าหากพ่อได้พักซัก 2-3 วัน ให้หมอได้ให้อาหารทางสายยางหรือให้น้ำเกลือแล้วอาการคงจะดีขึ้นก่อนพากลับบ้าน แต่กลายเป็นว่า พ่อมาถึงแล้วคงเหนื่อย มีอาการความดันตก มีเสมหะ ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาสั้น แม้จะรู้ว่าพ่อป่วยเยอะ แต่ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้
“พ่อเข้าออกโรงพยาบาลหลายรอบ ต้องดูแลระหว่างโรงพยาบาลกับบ้าน หากมีอะไรที่ไม่สบายตัวสบายใจจะกลับมานอนสักช่วงแล้วกลับบ้านใหม่ จริงๆ ไม่มีสัญญาณอะไร แต่หมอก็เคยพูดว่าอาจจะไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะสามารถทำให้พ่อดีขึ้นได้ มันอาจจะทรงๆ ทรุดๆ หรือทรุดลงไป แต่เราก็ไม่เคยมีประสบการณ์ เราก็เคยคุยกัน เพียงแต่เมื่อวานไม่คิดว่าจะเป็นเหตุแบบนี้” ลูกสาวศิลปินแห่งชาติกล่าว
นายวินัย กล่าวว่า นับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของวงการ พี่ต้อยเป็นบุคคลพิเศษ มีความสามารถรอบตัว สร้างคุณูปการมากมายในวงการบันเทิง เราทำงานกันมาเกือบ 60 ปี เราเสียสมาชิกวงไป 5 คนแล้ว เหลือกันแค่ 2 คน ซึ่งเมื่อ 4-5 เดือนก่อน เรามาเยี่ยมก็ได้บันทึกเทปร้องเพลงเก่าไว้ เพื่อไปโปรโมตคอนเสิร์ตที่เตรียมจะจัดในกลางปีนี้หากพี่ต้อยมีอาการดีขึ้น และนับว่าเป็นการทำงานครั้งสุดท้าย แต่เมื่อเสียพี่ต้อยไป ก็ยังไม่ได้คิดว่าจะจัดงานต่อไปหรือไม่ ยอมรับว่าเสียใจ ขอให้วิญญาณพี่ต้อยไปสู่สัมปรายภพ พี่ต้อยเหนื่อยมานานมาก อยากให้พี่ได้พักผ่อน
/////
ต่อมาในเวลา 12.30 น. ครอบครัวศิระฉายาพร้อมเจ้าหน้าที่รพ.ได้เคลื่อนย้ายร่างจากชั้น2 ขึ้นรถพยาบาลเพื่อนำร่างออกไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดเทพศิรินทร์
อย่างไรก็ตาม กำหนดการในวันนี้ จะมีการนำร่างของอาต้อย เศรษฐา เคลื่อนย้ายไปยังวัดเทพศิรินทร์ จากนั้นในเวลา 15.00 น. ทางครอบครัวจะมีพิธีรดน้ำศพ ต่อมาในเวลา 17.30 น. จะเป็นพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และในเวลา 19.00 น. จะมีพิธีสวดพระอภิธรรม