เล่าความหลังสยามรัฐ / ทองแถม นาถจำนง : “ภาพแห่งความเป็นผู้รักษาศิลปะวัฒนธรรม ศาสนาและประเพณี” (5) สุกัญญา สุดบรรทัด ข้อเขียนของ คึกฤทธิ์ทางหน้าหนังสือพิมพ์สะท้อนให้ความรักของเขาที่มีต่อสมบัติของชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการร้องการรำ เช่น โขน หรือเรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีและศาสนา เขาแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างลึกซึ่ง และเขายังต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งเหล่านี้ด้วย ครั้งหนึ่ง จอมพล ป. ตัดสินใจบูรณะอยุธยา (ด้วยมติ ครม.) นำมาซึ่งความขมขื่นแก่ผู้รักศิลปะเป็นอย่างมาก ประชาชนเขียนจดหมายมาด่าผ่านคอลัมน์ปัญหาประจำวัน และคึกฤทธิ์ ได้ผนึกความรู้สึกนี้ร่วมกับประชาชน และปัญหานี้ ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาเสียดสีควบคู่กับเรื่องที่รัฐบาลถูกโจมตีอยู่แล้วในเรื่องคอร์รัปชั่น และเรื่องการนำของหลวง เงินหลวง ไปบำรุงบำเรอความสุขส่วนตัว วันที่ 30 ส.ค. 2500 “เด็กหัวรอ” เขียนมาถามความเห็นหม่อมคึกฤทธิ์ เรื่องสมบัติอันทรงค่าของชาติ ได้แก่ ซากวัตถุโบราณมากมายกลางเมืองอยุธยา ต้องถูกทำลาย(โดยวิธีฉาบปูนขาว) โดยอ้างว่ามาบูรณะซ่อมแซม ซึ่งทั้งนี้เป็นการกระทำ เพื่อ “เชิดชูตนเอง สร้างเสริมบารมีให้แก่ตน เป็นการทำลายคุณค่าของสมบัติของชาติเหล่านี้อย่างน่าบัดสี” นอกจากนั้น จอมพล ป. ยังได้กระทำการที่ไม่สมควร ได้แก่ “ตอนฤดูน้ำหลาก จอมพล ป. มาอยุธยาแทบทุกอาทิตย์ มาคราวใดไม่เพียงแต่จะได้โอ้อวดฝีมือขับรถเร็วชาวอยุธยาดู ว่าคนนี้เก่งนัก ยังลงขับเรือเร็วในน้ำ ทำให้ท้องน้ำปั่นป่วน สร้างความเสียหายแก่เรือนแพชาวบ้าน จนใครๆ เอือมระอาเป็นที่สุด” คึกฤทธิ์ ตอบว่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ เขาได้มีโอกาสไปดูการบูรณะซ่อมแซมที่อยุธยา “พอไปเห็นเข้าก็อนาถใจน้ำตาตกใน” เพราะพระเจดีย์เก่าแก่กลายเป็นพระเจดีย์ฉาบปูนขาวไปหมด เป็นการหมดคุณค่า คึกฤทธิ์ กล่าวว่า การระทำเช่นนี้ เป็นการกระทำของ “พม่ากลับชาติมาเกิด” เพื่อทำลายพระมหานครศรีอยุธยาให้สูญสิ้นไป แม้แต่ซากก็ไม่ให้มีเหลือ “ตัวต้นคิดคือ อูบาแปลกนั้นก็เอาเถิด เด็กๆ เคยชอบเล่นก่อพระเจดีย์ทราย โตขึ้นมามีบุญวาสนา เห็นอะไรก็รังแต่ก่อสร้างตะพึดไป วิชาความรู้ก็มีแต่วิชาคำนวณละวิชาทหารปืนใหญ่ ที่ไหนจะไปสนใจหรือเข้าใจ เรื่องโบราณคดีและประวัติศาสตร์ เคยอ่านก็แต่พระราชพงศาดารอิ่มเอิบไปด้วยกฤษฎานิหาร ใครสร้างอะไรได้ กูก็ซ่อมได้” เขายังวิจารณ์นักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งปวงที่ไม่ได้ทัดทานการทำลายครั้งใหญ่นี้ “เรียนมาเสียข้าวสุก คนพวกนี้มีมันสมองอันถูกฉาบด้วยปูนขาวพอๆ กับพระเจดีย์กรุงเก่านั่นเอง” จากนั้นขาก็วิจารณ์ จอมพล ป. อย่างรุนแรง ในเรื่องที่จอมพลถูกวิจารณ์อยู่มากแล้ว และเป็นเรื่องที่ทำให้คนเกลียดรัฐบาลกันมาก คือเรื่องความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม “ใครจะมารู้ดีกว่าผม ว่าหน้าน้ำเดือน 11 เดือน 12 นั้น ไม่มีอะไรสนุกเท่าไปเล่นเรือแถวอยุธยา ตอนน้ำเจิ่งตลิ่ง? คนบางคนเพิ่งมารู้สึกเอาตอนแก่ก็ตื่นเต้น เอาเรือเร็ว คริสคราฟต์ออกเล่นกันทุกเสาร์อาทิตย์ไป ใจจริงนั้นก็อยากจะเล่นเรือ เลยต้องหาเรื่องซ่อมอยุธยาให้มันเป็นเหตุให้ต้องแล่นเรือไปตรวจบ่อยๆ เรือคริสคราฟต์ลำหลังนี้ สั่งจากนอกใหม่เอี่ยม โดนเข้าสองแสนแปด เงินส่วนตัวหรือครับ เปล่า ! เงินหลวงสดๆเลยคุณเอ๊ย ความผิดมันก็ตกอยู่กับคนที่ถือถุงเงินหลวงแล้วยอมจ่ายเงินให้ซื้อเรือยนต์ขี่เล่นกัน โดยอ้างว่ามีราชการบ้าๆบอๆ นั่นแหละครับ” สิ่งที่คึกฤทธิ์ได้เขียนขึ้นนั้น มีอยู่หลากหลาย เกิดเป็นภาพใหญ่ๆ ที่พอประเมินได้ดังที่ได้กล่าวมานี้แล้ว มันเป็นภาพชองนักหนังสือพิมพ์ที่มีปากกาเฉียบแหลม และกำลังทำหน้าที่ของนักหนังสือพิมพ์ในหลายสถาน ดังจะกล่าวถึงในบทข้างหน้า