เมื่อวันที่ 16 กพ.2565 นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.เทอดชาติ ชัยพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายธฤติ ประสานสอน ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการและคณะ ลงพื้นที่ เพื่อติดตามโครงการ ”พาน้องกลับมาเรียน” ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 2
นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เผยว่า สำหรับโดรงการส่งเสริมโอกาส ความสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา "พาน้องกลับมาเรียน" เป็นโครงการที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญมากในเรื่องนี้ โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานติดตามเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาหรือเด็กตกหล่นและเด็กออกกลางคันให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ทั้งระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับสถานศึกษา โดยเบื้องตันได้ให้โรงเรียนในสังกัด ค้นหาติดตาม และรายงานผลการติดตามนักเรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาผ่าน google form มายังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ติตตามด้วย Application "พาน้องกลับมาเรียน" เพื่อส่งเสริมโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษาให้กับเด็กเหล่านี้ ให้มีความรู้ มีคุณภาพ มีคุณธรรม และพร้อมเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต
ด้านนายจรัญ หวานคำ ผอ.สพป.อบ.2 เผยว่า ในพื้นที่รับผิดชอบ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกุดข้าวปุ้น อำเภอเขมราฐ อำเภอโพธิ์โทร อำเภอนาตาล และ อำเภอตระการพืชผล
ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมากในการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ แต่พวกเราคณะครู ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา พร้อมทุ่มเท พลังกาย ใจ เต็มขีดความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่างๆเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและบรรลุเป้าประสงค์ มากที่สุด โดยขณะนี้ สพป.อบ.2 ได้ดำเนินการตามโครงการ”พาน้องกลับมาเรียน” ได้ครบ 100% แล้ว
จากนั้นได้นำคณะนั่งรถมอเตอร์ไซด์ซาเล้ง เข้าพื้นที่เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจให้กับเด็กและผู้ปกครองในถิ่นทุรกันดาร พร้อมมอบข้าวสารอาหารแห้ง และเครื่องอุปโภคบริโภคให้อีกด้วย
จากข้อมูลพื้นฐานเด็กที่ตกหล่นหรือหลุดออกจากระบบการศึกษาและเด็กที่ออกกลางคัน มีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร การคมนาคมไม่สะดวก ระบบสื่อสารการประชาสัมพันธ์ไม่ครอบคลุมทั่วถึงซึ่งยังมีอยู่หลายพื้นที่ของประเทศ ปัญหาครอบครัว ความยากจน ยาเสพติดและอีกหลายปัจจัย ที่ทำให้เด็กๆเหล่านี้ขาดโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา ซึ่งทางรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามขับเคลื่อนติดตามเอาเด็กเหล่านี้มาเข้าสู่ระบบการศึกษาให้ได้
นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เผยว่า สำหรับโดรงการส่งเสริมโอกาส ความสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา "พาน้องกลับมาเรียน" เป็นโครงการที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญมากในเรื่องนี้ โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานติดตามเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาหรือเด็กตกหล่นและเด็กออกกลางคันให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ทั้งระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับสถานศึกษา โดยเบื้องตันได้ให้โรงเรียนในสังกัด ค้นหาติดตาม และรายงานผลการติดตามนักเรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาผ่าน google form มายังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ติตตามด้วย Application "พาน้องกลับมาเรียน" เพื่อส่งเสริมโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษาให้กับเด็กเหล่านี้ ให้มีความรู้ มีคุณภาพ มีคุณธรรม และพร้อมเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต
ด้านนายจรัญ หวานคำ ผอ.สพป.อบ.2 เผยว่า ในพื้นที่รับผิดชอบ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกุดข้าวปุ้น อำเภอเขมราฐ อำเภอโพธิ์โทร อำเภอนาตาล และ อำเภอตระการพืชผล
ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมากในการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ แต่พวกเราคณะครู ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา พร้อมทุ่มเท พลังกาย ใจ เต็มขีดความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่างๆเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและบรรลุเป้าประสงค์ มากที่สุด โดยขณะนี้ สพป.อบ.2 ได้ดำเนินการตามโครงการ”พาน้องกลับมาเรียน” ได้ครบ 100% แล้ว
จากนั้นได้นำคณะนั่งรถมอเตอร์ไซด์ซาเล้ง เข้าพื้นที่เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจให้กับเด็กและผู้ปกครองในถิ่นทุรกันดาร พร้อมมอบข้าวสารอาหารแห้ง และเครื่องอุปโภคบริโภคให้อีกด้วย
จากข้อมูลพื้นฐานเด็กที่ตกหล่นหรือหลุดออกจากระบบการศึกษาและเด็กที่ออกกลางคัน มีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร การคมนาคมไม่สะดวก ระบบสื่อสารการประชาสัมพันธ์ไม่ครอบคลุมทั่วถึงซึ่งยังมีอยู่หลายพื้นที่ของประเทศ ปัญหาครอบครัว ความยากจน ยาเสพติดและอีกหลายปัจจัย ที่ทำให้เด็กๆเหล่านี้ขาดโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา ซึ่งทางรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามขับเคลื่อนติดตามเอาเด็กเหล่านี้มาเข้าสู่ระบบการศึกษาให้ได้