วันที่ 16 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ (15 ก.พ.65) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.กลาง ให้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค 7 เพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่กรณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาคร ใหม่ทแทน นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ (ปลัดแต) และสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นายสุรวัช เรืองศรี สมาชิกสภา อบจ.อ.กระทุ่มแบน (เขต 5) ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง รวมทั้งให้ดำเนินคดีอาญากับนายสุรวัชฯ ตามมาตรา 65 (1) ประกอบมาตรา 126 นั้น
ต่อมานายอุดม หรือปลัดแต โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า ขอบคุณทุกกำลังใจโดยผมไม่ท้อครับ และพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์จาก 131,537 คะแนน ที่ชาวสมุทรสาครมอบให้ผมครับ
ล่าสุดเมื่อวันที่ นายอุดม เปิดเผยว่า ยังไม่อยากจะกล่าวอะไรตอนนี้ ไม่ใช่ว่าท้อ หรือถดถอยจากคำพิจารณาดังกล่าว แต่เพราะเห็นว่าเรื่องที่ กกต.พิจารณาแล้วนั้น จะต้องนำเสนอต่อศาลอุทธรณ์ ต้องขอกราบขอบพระคุณผู้ใหญ่หลายท่าน และพ่อแม่พี่น้องทั้งใน จ.สมุทรสาคร และผู้ที่เคารพรักที่ได้ส่งไลน์ หรือโทรศัพท์ หรือฝากข้อความมาให้กำลังใจตนและคณะผู้บริหารอย่างมากมาย ส่วนตัวจะต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ของ 131,537 คะแนน ที่พี่น้องชาว จ.สมุทรสาคร ได้มอบความไว้วางใจให้เข้ามาทำงานในหน้าที่นายก อบจ.สมุทรสาคร
นายอุดม กล่าวว่า ขณะนี้ทาง กกต.กลางจะส่งเรื่องไปศาลอุทธรณ์ ซึ่งหากศาลอุทธรณ์รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้พิจารณาแล้วนั้น ทาง กม.ตนและคณะทีมผู้บริหารฯ จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ลงชั่วคราว จนกว่าได้มีคำตัดวินิจฉัยจากศาลเป็นอย่างไร ซึ่งคณะทั้งทีมงาน สมาชิกสภา อบจ. และทีมงานทุกคนก็ยังคงทำหน้าที่เพื่อดูแลรับใช้พี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่อยู่ต่อไปเช่นเดิม
ทั้งนี้ ในส่วนของประเด็นที่ กกต.กลาง มีสั่งแจกใบเหลือง(ย้อนหลังการเลือกตั้งฯ) โดยเมื่อ 15 ก.พ.65 ทางเว็บไซต์ของสนง.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยฯ จะยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ (หรือศาลอุทธรณ์ภาค) เพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรสาคร ใหม่แทน นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ และสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นายสุรวัช เรืองศรี ส.อบจ. อ.กระทุ่มแบน เขตเลือกตั้งที่ 5 ตามพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง รวมทั้งให้ดำเนินคดีอาญากับนายสุรวัช ตามมาตรา 65(1)ประกอบมาตรา 126 เนื่องจากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าประมาณเดือนต.ค.-พ.ย.63 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้โทรศัพท์ติดต่อโรงเรียนแห่งหนึ่งเพื่อย้ายนักเรียนซึ่งเป็นหลานสาวเข้าเรียน โดยโรงเรียนดังกล่าวแนะนำว่านักเรียนต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนดังกล่าวจึงได้ติดต่อนายสุรวัชและได้รับคำแนะนำว่าให้ไปพบกับบิดาตน ซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน หลังจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนดังกล่าวได้พบกับบิดาของนายสุรวัช แล้วก็ได้ไปติดต่อที่สำนักทะเบียนดำเนินการย้ายชื่อนักเรียนคนดังกล่าวเข้าบ้านเลขที่ของโรงเรียนและสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าว
จากนั้นผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนดังกล่าวได้ส่งข้อความขอบคุณนายสุรวัช ทางแอพพลิเคชั่นไลน์ที่นายสุรวัชและบิดาของนายสุรวัชช่วยเหลือให้หลานสาวได้เข้าโรงเรียนตามที่ประสงค์ โดยปรากฏภาพการสนทนาที่นายสุรวัชได้นำไปโพสต์ในบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “สุรวัช เรืองศรี” เมื่อวันที่ 27 พ.ย.63 ประกอบกับจากการตรวจสอบใบแจ้งการย้ายที่อยู่ปรากฏว่าในช่องลงชื่อเจ้าบ้านยินยอมให้ย้ายเข้ามีการพิมพ์ชื่อของเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองกระทุ่มแบนเป็นผู้ได้รับมอบหมาย ซึ่งน่าเชื่อว่า บิดาของนายสุรวัชฯ ได้ดำเนินการช่วยเหลือย้ายชื่อของนักเรียนคนดังกล่าวเข้าทะเบียนบ้านของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อให้เด็กคนดังกล่าวมีหลักเกณฑ์ที่สามารถเข้าเรียนได้ โดยที่นายสุรวัช โพสต์บทสนทนาระหว่างตนกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนดังกล่าวในบัญชีเฟซบุ๊กของตนว่า “ได้ช่วยฝากหลานของผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนดังกล่าวเข้าโรงเรียนเรียบร้อยแล้วและขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนดังกล่าวลงคะแนนให้แก่นายอุดม”
การกระดังกล่าวนี้ของนายสุรวัช จึงมีลักษณะเป็นการแสวงหาคะแนนนิยมจากประชาชนหรือสมาชิกในกลุ่มเฟซบุ๊ก ที่พบเห็นให้ลงคะแนนให้แก่นายอุดม จึงเข้าลักษณะเป็นการจัดทำ ให้ เสนอให้สัญญา ว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายอุดม ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 65(1)
“โดยนายอุดม ย่อมได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งฯ จากการกระทำของสุรวัช เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งนายกฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายอุดม เกิดจากการเลือกตั้งที่ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมฯ”