ขอนแก่น ถือฤกษ์วันมาฆบูชา จัดพิธีสู่ขวัญข้าว บูชาพระแม่โพสพ หลังสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ขณะที่ชาวชุมชนพร้อมใจทำข้าวจี่มงคล แข็ง ใหญ่ ยาว ด้วยข้าวเหนียวใหม่ประจำฤดูกาล ร่วมตักบาตร-ถวายเพล และรับประทานร่วมกันแบบนิวนอมอล พร้อมเดินหน้าทำนาปรังต่อเนื่องทันที
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 16 ก.พ.2565 ที่วัดตาลเรียง บ้านผือ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายพันธุ์เทพ เสาวโกศล รอง ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานในการประกอบพิธีสู่ขวัญข้าว-บูชาพระแม่โพสพ ฤดูกาลผลิต 2564/65 ประจำปี 2565 ซึ่งเทศบาล ต.พระลับ พร้อมกับชาวชุมชนได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้น โดยมีนายประจวบ รักษ์แพทย์ นายอำเภอเมืองขอนแก่น,นายวินัย ทองทัพ กำนัน ต.พระลับ ,นายพงศ์ธร พิศาพิทักษ์กุล นายกเทศมนตรี ต.พระลับ และนายทวีชาติ ติตะปัญ ประธาน สภา ทต.พระลับ นำประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด
โดยภายในงานได้จัดให้มีการแสดงผลผลิตข้าวเปลอกนาปี จากหมู่บ้านต่างๆในเขต ต.พระลับ,การนำข้าวเหนียวใหม่ มาจัดทำเป็นข้าวจี่ อาหารอีสานประจำถิ่นที่ถือเป็นข้าวจี่มงคล เนื่องจากทำจากข้าวเหนียวใหม่ และถือฤกษ์วันมาฆบูชา แจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงาน,การแสดงศิลปะวัฒนธรรมแบบวิถีใหม่นิวนอมอล ,การประกวดส้มตำลีลา และประกวดข้าวจี่ รวมไปถึงการที่คนในชุมชนได้พ้อมใจกันจัดขบวนขอขมาบูชาพระแม่โพสพ อันเป็นธรรมเนียมและวิถีปฎิบัติที่ชาว ต.พระลับ ดำเนินการสืบทอดต่อกันมาอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่ด้วยสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นทำให้งานพิธีสู่ขวัญข้าวและบูชาพระแม่โพสพ นั้นได้งดจัดกิจกรรมไปและได้กลับมาจัดกิจกรรมอีกครั้งในปีนี้ ภายใต้มาตรการควบคุมและป้อกันอย่างเข้มงวด
นายพันธ์ เทพ เสาวโกศล รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่วันนี้คนในชุมชนได้พร้อมใจกันแสดงออกถึงการดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่นิวนอมอล ภายใต้การควบคุมและป้อกันอย่างเข้มงวด และทุกคนคุ้นชินกับสถานการณ์จนทำให้การป้องกันตัวเองในด้านต่างๆตามที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดขึ้น ได้เกิดขึ้นที่ ต.พระลับ ซึ่งงานประเพณีสู่ขวัญข้าวนั้นเป็นประเพณีที่สืบสานและสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น หลังสิ้นสุดฤดูทำนาหรือการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วเสร็จ ซึ่งข้าวเปลือกใหม่นาปีฤดูกาลผลิตที่ชาวชุมชนได้มารวมกันและประกอบพิธบูชาและบวงสรวงในวันนี้เป็นนิมิตรหมายและฤกษ์งามยามดีที่เกิดขึ้น และก้าวสู่การทำนาปรังและนาปี ในเขตชลประทานตามวิถีของชุมชนต่อไป
ขณะที่นายพงศ์ธร พิศาพิทักษ์กุล นายกเทศมนตรีตำบลพระลับ กล่าวว่า ในช่วงที่เกิดอุทักภัยครั้งใหญ่ในปี 2564 ที่ผ่านมา เทศบาลฯได้อนุมัติงบประมาฯในการบูรณาการการทำงานร่วมกันทับหน่วยงานทุกฝ่าย ทั้งจังหวัด,ปภ.,ชลประทาน,ฝ่ายปกครองและทุกหน่วยงาน ในการเร่งระบายน้ำและบริหารจัดการน้ำในภาวะน้ำท่วม จนทำให้พื้นที่ ต.พระลับ ที่เป็นพื้นที่ที่ผลิตข้าวรวมกว่า 8,000 ไร่ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด นำมาสู่ผลผลิตของเกษตรกรที่สมบูรณ์แบบในฤดูกาลผลิตประจำปี 2564/65 โดยวันนี้ทุกคนได้ร่วมใจกันนำข้าวเปลือกจากผลผลิตมารวมกันจัดทำเป็นยุ้งข้าวขนาดใหญ่เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ความร่วมมือร่วมใจของคนพระลับ ที่เป็นพื้นที่ชนบทและชุมชนเมืองที่อยู่ร่วมกันได้อย่างผสมผสานและลงตัว
“ ในการบริหารจัดการพื้นที่และบริหารจัดการเหตุการณ์ร่วมทุกหน่วยงาน ทำให้พื้นที่ ต.พระลับ ที่เป็นพื้นที่ปลูกข้าวรวมกว่า 8,000 ไร่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ทำให้ปีนี้ข้าวของ ชาว พระลับ นั้นสามารถที่จะส่งจำหน่ายได้รวมกว่า 640 ตัน ในราคาข้างเปลือกเฉลี่ยกิโลกรัมละ 9 บาท ทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า สร้างรอยยิ้มและสร้างรายได้ให้กับชาว ต.พระลับอย่างมาก ดังนั้นกิจกรรมในวันนี้จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหาเราะและความสนุกสนานของคนในชุมชน ที่พร้อมใจกันสืบสานวัฒนธรรมประเพณีและความงดงามของวิถีอีสาน วิถีชุมชนและวิถีท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไปและก้าวสู่การทำนาปรังและนาปีฤดูกาลผลิต 2565/66 ต่อไปทันที”
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 16 ก.พ.2565 ที่วัดตาลเรียง บ้านผือ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายพันธุ์เทพ เสาวโกศล รอง ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานในการประกอบพิธีสู่ขวัญข้าว-บูชาพระแม่โพสพ ฤดูกาลผลิต 2564/65 ประจำปี 2565 ซึ่งเทศบาล ต.พระลับ พร้อมกับชาวชุมชนได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้น โดยมีนายประจวบ รักษ์แพทย์ นายอำเภอเมืองขอนแก่น,นายวินัย ทองทัพ กำนัน ต.พระลับ ,นายพงศ์ธร พิศาพิทักษ์กุล นายกเทศมนตรี ต.พระลับ และนายทวีชาติ ติตะปัญ ประธาน สภา ทต.พระลับ นำประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด
โดยภายในงานได้จัดให้มีการแสดงผลผลิตข้าวเปลอกนาปี จากหมู่บ้านต่างๆในเขต ต.พระลับ,การนำข้าวเหนียวใหม่ มาจัดทำเป็นข้าวจี่ อาหารอีสานประจำถิ่นที่ถือเป็นข้าวจี่มงคล เนื่องจากทำจากข้าวเหนียวใหม่ และถือฤกษ์วันมาฆบูชา แจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงาน,การแสดงศิลปะวัฒนธรรมแบบวิถีใหม่นิวนอมอล ,การประกวดส้มตำลีลา และประกวดข้าวจี่ รวมไปถึงการที่คนในชุมชนได้พ้อมใจกันจัดขบวนขอขมาบูชาพระแม่โพสพ อันเป็นธรรมเนียมและวิถีปฎิบัติที่ชาว ต.พระลับ ดำเนินการสืบทอดต่อกันมาอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่ด้วยสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นทำให้งานพิธีสู่ขวัญข้าวและบูชาพระแม่โพสพ นั้นได้งดจัดกิจกรรมไปและได้กลับมาจัดกิจกรรมอีกครั้งในปีนี้ ภายใต้มาตรการควบคุมและป้อกันอย่างเข้มงวด
นายพันธ์ เทพ เสาวโกศล รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่วันนี้คนในชุมชนได้พร้อมใจกันแสดงออกถึงการดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่นิวนอมอล ภายใต้การควบคุมและป้อกันอย่างเข้มงวด และทุกคนคุ้นชินกับสถานการณ์จนทำให้การป้องกันตัวเองในด้านต่างๆตามที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดขึ้น ได้เกิดขึ้นที่ ต.พระลับ ซึ่งงานประเพณีสู่ขวัญข้าวนั้นเป็นประเพณีที่สืบสานและสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น หลังสิ้นสุดฤดูทำนาหรือการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วเสร็จ ซึ่งข้าวเปลือกใหม่นาปีฤดูกาลผลิตที่ชาวชุมชนได้มารวมกันและประกอบพิธบูชาและบวงสรวงในวันนี้เป็นนิมิตรหมายและฤกษ์งามยามดีที่เกิดขึ้น และก้าวสู่การทำนาปรังและนาปี ในเขตชลประทานตามวิถีของชุมชนต่อไป
ขณะที่นายพงศ์ธร พิศาพิทักษ์กุล นายกเทศมนตรีตำบลพระลับ กล่าวว่า ในช่วงที่เกิดอุทักภัยครั้งใหญ่ในปี 2564 ที่ผ่านมา เทศบาลฯได้อนุมัติงบประมาฯในการบูรณาการการทำงานร่วมกันทับหน่วยงานทุกฝ่าย ทั้งจังหวัด,ปภ.,ชลประทาน,ฝ่ายปกครองและทุกหน่วยงาน ในการเร่งระบายน้ำและบริหารจัดการน้ำในภาวะน้ำท่วม จนทำให้พื้นที่ ต.พระลับ ที่เป็นพื้นที่ที่ผลิตข้าวรวมกว่า 8,000 ไร่ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด นำมาสู่ผลผลิตของเกษตรกรที่สมบูรณ์แบบในฤดูกาลผลิตประจำปี 2564/65 โดยวันนี้ทุกคนได้ร่วมใจกันนำข้าวเปลือกจากผลผลิตมารวมกันจัดทำเป็นยุ้งข้าวขนาดใหญ่เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ความร่วมมือร่วมใจของคนพระลับ ที่เป็นพื้นที่ชนบทและชุมชนเมืองที่อยู่ร่วมกันได้อย่างผสมผสานและลงตัว
“ ในการบริหารจัดการพื้นที่และบริหารจัดการเหตุการณ์ร่วมทุกหน่วยงาน ทำให้พื้นที่ ต.พระลับ ที่เป็นพื้นที่ปลูกข้าวรวมกว่า 8,000 ไร่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ทำให้ปีนี้ข้าวของ ชาว พระลับ นั้นสามารถที่จะส่งจำหน่ายได้รวมกว่า 640 ตัน ในราคาข้างเปลือกเฉลี่ยกิโลกรัมละ 9 บาท ทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า สร้างรอยยิ้มและสร้างรายได้ให้กับชาว ต.พระลับอย่างมาก ดังนั้นกิจกรรมในวันนี้จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหาเราะและความสนุกสนานของคนในชุมชน ที่พร้อมใจกันสืบสานวัฒนธรรมประเพณีและความงดงามของวิถีอีสาน วิถีชุมชนและวิถีท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไปและก้าวสู่การทำนาปรังและนาปีฤดูกาลผลิต 2565/66 ต่อไปทันที”