วันที่ 14 ก.พ.65 เวลา 18.30 น. พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี ผกก.สภ.น้ำพอง,พ.ต.อ.ณัฏฐ์ โหม่งพุฒ ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น และ พ.ต.ท.สามารถ พิมพ์ดีด สว.(สส.) สภ.น้ำพอง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น และ สภ.น้ำพอง เข้าทำการจับกุม นายณัฐวุธ สุขสม หรือ มอส อายุ 29 ปี อยู่ ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และ นายเสกสิทธิ์ พุทธรักษา หรือหนึ่ง อายุ 41 ปี อยู่ ต.ปากน้ำ แหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน, ทำให้เสียทรัพย์, ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด,ทวงถามหนี้โดยใช้ความรุนแรง (พ.ร.บ.ทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 มาตรา 11),ประกอบสินเชื่อธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้ผู้อื่นตกใจหรือกลัวโดยการขู่เข็ญ หลังติดตามจับกุมตัวได้ พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งความจาก น.ส.สุภัสสร อาษาสนา อายุ 54 ปี อยู่ ต.หนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ( 13 ก.พ.65) ได้มีนายณัฐวุธ และนายเสกสิทธิ์ พร้อมชายวัยรุ่นไม่ทราบชื่ออีก 1 คน รวม 3 คน ได้มาพบที่บ้านเพื่อทวงเงินกู้ที่ได้กู้ยืมเงินไปกับบริษัทกิจธนาทรัพย์เงินทุน จำนวน 5,000 บาท โดยได้จ่ายดอกเบี้ยวันละ 100 บาท จนกว่าจะคืนเงินต้นทั้งหมดโดยได้ส่งดอกเบี้ยมาได้ประมาณ 2 เดือน แต่ได้ขาดจ่ายไป 4 วัน กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้บุกรุกเข้ามาบริเวณบ้านพักอาศัย แล้วใช้ก้อนหินทุบทำลายกระจก ประตูละหน้าต่างแตกกระจกหน้าบ้านได้รับความเสียหาย จำนวน 4บานแล้วพากันหลบหนีไป จึงมาแจ้งความให้ตำรวจ สภ.น้ำพอง ทำการสืบสวนจับกุมคนก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย "ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น และชุดสืบสวนสภ.น้ำพอง จึงลงพื้นที่สืบสวนหาตัวกลุ่มคนก่อเหตุ ซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มนายทุนเงินกู้กิจธนาทรัพย์ ซึ่งมีที่พักอยู่ที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทำการตรวจสอบที่หมู่บ้านดังกล่าว ก็พบว่าตัวนายทุนเงินกู้พร้อมลูกจ้าง รวม 2 คน จึงควบคุมตัวมาสอบสวน จากการสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุในคืนดังกล่าว คือ นายณัฐวุธ พร้อมเพื่อน ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ส่วนนายเสกสิทธิ์ เป็นเจ้าของเงินที่นำมาปล่อยกู้นอกระบบ" นายณัฐวุธ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ได้ขับรถยนต์กระบะมาทวงเงินกับลูกค้าจริง แต่ลูกค้าไม่จ่าย จึงจอดรถและรอเฝ้เพื่อจะขอเก็บเงิน จนถึงมืดค่ำ จึงพากันเดินทางกลับ โดยไม่ได้ลงมือทุบทำลายทรัพย์สินของลูกค้าแต่อย่างใด อีกทั้งลูกค้าก็ไม่ได้กู้เงินของบริษัทเพียงบริษัทเดียว แต่ยังมีการกู้กับบริษัทอื่นๆด้วย จึงไม่แน่ใจว่า คนร้ายที่ทุบทำลายบ้านของลูกค้านั้นคือใคร ในขณะที่นายเสกสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองเป็นเจ้าของเงินทุนที่นำมาปล่อยกู้ให้ลูกค้า จำนวน 5,000 บาท แต่ไม่เคยให้ลูกจ้างทำร้ายลูกหนี้หรือลุกค้ารายใด ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและว่าลูกน้องตนไปทุบกระจกบ้านลูกหนี้ ก็ไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ย้ำมาตลอดว่า ต้องทำการกวาดล้างจับกุม กลุ่มนายทุนที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ที่มีการเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้หมดสิ้นไป ซึ่งในเหตุการณ์ที่สภ.น้ำพองครั้งนี้ นายทุนเงินกู้ ทำการปล่อยกู้นอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ถึงร้อยละ 60 ต่อปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผล เพื่อติดตามจับกุมคนที่ร่วมกันปล่อยเงินกู้นอกระบบและเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ที่เหลืออีก 2 คน ที่กำลังหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทราบตัวแล้ว และกำลังประกบตัว เพื่อนำตัวมาสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน ส่วนผู้ต้องหา 2 คนที่จับกุมมาได้นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม จากนั้นก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และฝากขังที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ตามขั้นตอนต่อไป