จากกรณีที่ปรากฏข่าวมีชายไม่ทราบชื่อประมาณ 7-8 คน เข้ามาทวงหนี้เงินกู้ จำนวน 10,000 บาทที่บ้านพักของผู้เสียหาย โดยใช้อาวุธปืนยิงถล่มบ้านทำให้บุคคลในครอบครัวเกิดความหวาดกลัวนั้นตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น
วันที่ 13 ก.พ.65 ที่ ภ.จว.อุดรธานี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. กล่าวว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.จึงได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร./ผอ. ศปน.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. ให้ดำเนินการสืบสวน ติดตามและจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ จึงได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุดร พร้อมประสานการปฏิบัติกับ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ,พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี และ จนท.ศปน.ภ.4 บูรณาการประสานความร่วมมือกันออกติดตาม ทราบว่า บุคคลที่ปรากฏตามภาพข่าวคือ นายธนพล หรือ ทัช บุราโส อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ที่ 02 ต.คอนสาย อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี(ทราบชื่อภายหลัง) พร้อมกับพวกรวม 6 คน ประกอบด้วย นายวรพล หรือ ไอซ์ คล้ายนุช อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 44/1 หมู่ที่ 04 ต.ไผ่ขวาง อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร,นายธนพล หรือ ทัช บุราโส อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 39 หมู่ที่ 02 ต.คอนสาย อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี,นายบรรพต หรือ บิ๊ก แสนโคตร อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 101 หมู่ที่ 13 ต.หมูม่น อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี,นายชาญชัย หรือ ชาญ เววิชัยโก อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่ 08 ต.นากว้าง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี,นายธนาวุฒิ หรือ จ๊อบ สุขมานพ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 20 หมู่ที่ 08 ต.นากว้าง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี,นายวสันต์ หรือ โอ เมฆประทีป อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 33/1 หมู่ที่ 03 ต.ไผ่ขวาง อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร พร้อมอาวุธปืน(แบ้งค์กัน) แบบ แม็กกาซีน คล้ายปืนแบเรตต้า ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก,แม็กกาซีน จำนวน 1 แม็ก,ลูกกระสุนปืน(ลูกแบ้งค์) จำนวน 5 นัด,กล่องใส่อาวุธปืน สีดำ จำนวน 1 กล่อง,มีดพกสั้น จำนวน 1 เล่ม,มีดยาวตลอดด้าม ประมาณ 75 ซม. จำนวน 1 เล่มและท่อนไม้ยาว 2 ฟุต จำนวน 1 อัน
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงพฤติการณ์ในวันเกิดเหตุคือ เมื่อวันที่ 11 ก.พ.65 เวลาประมาณ 15.00 น. นายวรพล หรือ ไอซ์ คล้อยนุช พร้อมด้วย นายธนพล หรือ ทัด บุราโส เดินทางไปที่บ้านหนองบุ ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อติดตามทวงถามเงินจาก น.ส.เพลินพิศ เป้ กิ่งไทรกลาง อายุ 41 ปี ที่อยู่ 718 ม.3 ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งได้กู้ยืมเงินจำนวน 10,000 บาท โดยเก็บเงินดอกเบี้ยวันละ 200 บาท เก็บมาแล้ว 5 วัน เมื่อไปถึงบ้านพบบุตรชายของ นางเป้ กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อนๆ ประมาณ 3-4 คน จึงได้เอาภาพของนางเป้ให้ดู บุตรชายของนางเป้ ตอบว่าไม่ทราบอยากรู้ให้หาเอง นายวรพลฯ และนายธนพลฯ ขับขี่รถจักรยานยนต์วนหาภายในซอย จึงได้สอบถามคนแถวนั้นแล้วได้ขับขี่รถมาจอดที่หน้าบ้านของนางเป้ บุตรชายของนางเป้พูดว่า “บอกว่าไม่อยู่ๆ ไม่เข้าใจหรือไง” และเกิดโต้เถียงกัน บุตรชายของนางเป้ ไม่พอใจ จึงร่วมกันกับพวกประมาณ 3-4 คน รุมทำร้ายร่างกาย นายวรพล และ นายธนพล ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บไม่สามารถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุได้ นายวรพล จึงโทรหา นายธนาวุฒิ หรือ จ๊อบ ให้มาช่วยเหลือ
ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น. กลุ่มพรรคพวกของ นายวรพล และ นายธนพลฯ อีก 4 คน ได้แก่ นายวสันต์ , นายชาญชัย หรือชาญ ถืออาวุธปืนแบ๊งค์กัน , นายบรรพตฯ หรือ บิ๊ก ถือมีดสั้น , นายธนาวุฒิ ไปสมทบ นายวรพล หรือ ไอซ์ ถือ ไม้คมแฝก , นายธนพล หรือ ทัดฯ ถือมีดดาบ จึงได้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นคลิปวีดีโอตามภาพข่าว
โดยในชั้นนี้ ได้แจ้งข้อกล่าวหา ทั้ง 6 คน โดยกล่าวหาว่า “ซ่องโจร ,ร่วมกันประกอบธุรกิจการให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายในทางการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง,ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตรากฎหมายกำหนด ,ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย ของผู้ถูข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ,ร่วมกันบุกรุกโดยมีอาวุธ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นโดยมีอาวุธ,ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ,ร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมืองหมุ่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” นอกจากนี้ จะได้ร่วมกันขยายผล กลุ่มผู้ร่วมขบวนการปล่อยเงินกู้ทวงหนี้ผิดกฎหมายให้ถึงที่สุด
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่าจากทำการขยายผลและขอหมายค้นศาลเข้าค้นบ้านพักของผู้ต้องหา พบบัญชีรายชื่อลูกหนี้ตารางการผ่อนชำระ โดยปรากฏรายชื่อของลูกหนี้อยู่ในบัญชีดังกล่าว ซึ่งจะได้ทำการขยายผลถึงนายทุนและผู้ร่วมขบวนการ รวมถึงติดตามลูกหนี้ ที่ปรากฏในบัญชีดังกล่าว มาสอบปากคำเป็นพยานต่อไป และถ้าปรากฏพบการกระทำความผิดอื่นใดอีก จะได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกดังกล่าว




