ระบุสถานการณ์ไทยทิศทางดี แต่ยังต้องจับตาหลังมาตรการผ่อนคลาย โดยเฉพาะกทม. สมุทรปราการที่ยังพบติดเชื้อกระจาย อธิบดีกรมควบคุมโรคชี้การประกาศโรคประจำถิ่น ต่อเมื่อสถานการณ์คงที่ คุมได้ วัคซีนทั่วถึง พร้อมแนะแนวทางฉีดวัคซีน ปรับให้หากฉีดแอสตร้าฯ สองเข็ม ฉีดต่อเป็นเข็ม 3 ได้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.65 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์. ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ค่าเฉลี่ยผู้เสียชีวิตปัจจุบันประมาณ 18 ราย/วัน ดูตามกราฟ ผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจคงตัวมาตลอดในช่วงสัปดาห์นี้ โดยสถานการณ์ยังต้องติดตามใกลชิด ด้วยสัปดาห์นี้จะมีมาตรหารหลายอย่างผ่อนคลาย ทั้งเริ่ม เทสต์แอนด์โกเข้าประเทศแล้ว ทั้งนี้ สถานการณ์ กทม. สมุทรปราการ ยังคงมีผู้ติดเชื้อ พบในสถานประกอบการ โรงงาน ชุมชน ทำงานด้วยกันแม้ติดเชื้อไม่มาก แต่ใกล้ชิดกันในสถานที่ปิด พบการติดเชื้อประปรายกระจาย ทั้งในจังหวัดนำร่องท่องเทียวด้วย โดยสถานการณ์เป็นไปตามคาดการณ์และต่ำกว่าการคาดการณ์ไว้ด้วย ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์โควิด คาดในปีนี้จะพ้นการระบาดใหญ่ไปได้ ด้วย 1.ทั่วโลกฉีดวัคซีน ซึ่งไทยอย่างน้อยฉีดแล้ว2 เข็ม 2.เชื้อกลายพันธุ์มาตลอด จนถึงโอไมครอนที่เหมือนจะรุนแรงแต่ไม่รุนแรง น่าจะคุมการระบาดได้ ซึ่ง เมื่อไรที่สถานการณ์คงที่ คงไม่แคล้วเป็นโรคประจำถิ่น คาดการณ์ภายในปีนี้การะบาดใหญ่จะผ่านไป แต่อยู่ที่การควบคุม การฉีดวัคซีน ซึ่ง จะมีการประกาศต่อไป ทั้งนี้ มีคำแนะนำฉีดวัคซีนเพิ่มเติม เนื่องจากไทยมีวัคซีนค่อนข้างมาก คณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้แนะนำ 1.สูตรไขว้ จากเดิมการฉีดจะไล่เรียงแบบเชื้อตาย จากนั้นแอสตร้า และเอ็มอาร์เอ็นเอ ไล่เรียง แต่องค์การอนามัยโลก แนะหากฉีดชนิดไฟเซอร์เป็นเข็ม 1 เกิดมีปัญหา เปลี่ยนเป็นแอสตร้าฯในเข็มสองได้ 2.มีประวัติผู้ติดเชื้อโควิด มี 2 ล้านกว่าคน สามารถรับวัคซีนในหลักการเดียวกับผู้ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน 3.ฉีดแอสตร้าฯแล้ว 2 เข็ม เดิมเข็ม 3 ให้ฉีดไฟเซอร์ คำแนะนำเป็นแอสต้าได้ในเข็ม 3 4.เห็นชอบให้ฉีดซิโนแวคในเด็ก 3-17 ปี แต่รอขึ้นทะเบียนจากอย. ถ้าขึ้นทะเบียนได้ จะสามารถฉีดได้เลย