วันที่ 31 ม.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง ตร.ที่ 615/2564 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ รองหัวหน้าฯพล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุมมณีกูล ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร, พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รอง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร พร้อมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง ภ.จว.กำแพงเพชร ประชุมติดตามความคืบหน้าดำเนินการตรวจสอบ เร่งรัดคดีจับกุมขบวนการค้าแรงงานต่างด้าว ขนศพ-คนเจ็บ และแรงงานเมียนมา ปล่อยทิ้งข้างทางกำแพงเพชร ส่งสำนวนคดีให้อัยการจังหวัดกำแพงเพชร
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีพบกลุ่มบุคคลต่างด้าวจำนวน 23 ราย ถูกทิ้งไว้ที่บริเวณหมู่บ้านหนองนกกระทา ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โดยมีผู้บาดเจ็บจำนวน 4 ราย และเสียชีวิต จำนวน 3 ราย ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย นายอุทัย แซ่ม้า อายุ 32ปี, นายทราย เวียน ตู อายุ31 ปี,นายจิรวิทย์ แซ่ม้า อายุ23 ปี,นายไชยา วัชรวนา อายุ20 ปี ,นายสุชัจจ์ จังพินิจกุล อายุ21 ปี,นายเลา แซ่จ้าง อายุ34 ปี และนายณรงค์ฤทธิ์ แซ่วื่ออายุ 29 ปี ซึ่งทั้งหมดมีพฤติกรรมทำเป็นขบวนการที่คอยประสานงานกับชาวเมียนมาไม่ทราบชื่อที่ฝั่งประเทศเมียนมา เพื่อคอยรอรับขนแรงงานต่างชาติขึ้นรถกระบะที่จัดเตรียมไว้ โดยมีการขนแรงงานไปส่งยังจุดพักคอยต่อไปที่บริเวณจ.ตาก เพื่อส่งต่อในพื้นที่ชั้นใน หรือเดินทางไปยังประเทศที่สาม
ทั้งนี้ในส่วนของการปราบปรามขบวนการลักลอบขนบุคคลต่างด้าวเข้ามาในไทย พร้อมทั้งขยายผลถึงเครือข่ายผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการตัดวงจรการกระทำผิดของกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ ที่ได้อาศัยช่องทางธรรมชาติตามชายแดนของไทย ลักลอบนำบุคคลต่างด้าวข้ามชายแดนไทย เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สาม หาประโยชน์โดยมิชอบจากกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่ต้องการเดินทางข้ามประเทศ ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายการค้ามนุษย์ และยังส่งผลกระทบต่อมาตรการความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปในสังคมในวงกว้าง ซึ่งเป็นนโยบายหลักของทางรัฐบาลและทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เน้นย้ำสั่งการ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จากการประชุมหารือกับทางคณะพนักงานสอบสวนเบื้องต้นคดีนี้ทางคณะพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 7 คน ในฐานความผิด “ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรและร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.นี้ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” อย่างไรก็ตามคดีนี้ยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้ยังต้องดำเนินการสืบสวนจนออกหมายจับผู้ต้องหาในประเทศเมียนมา และทำให้เป็นคดีตัวอย่าง โดยจะนำสำนวนการสอบสวนทั้งหมด เข้าปรึกษากับพนักงานอัยการเพื่อให้มีพยานหลักฐานครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมสามารถตอบคำถามสังคมได้ และจะประสานกับ ป.ป.ง.เพื่อทำการยึดทรัพย์ตาม พรบ.ฟอกเงิน ต่อไป


