นับตั้งแต่เกิดการระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด -19 ไปทั่วทุกมุมโลก รวมถึงประเทศไทย จนกลายเป็นโรคระบาด (Epidemic) อย่างเต็มรูปแบบ เป็นเวลากว่า 1 ปี 10 เดือน ที่ต้องรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งเฝ้ารอการเปลี่ยนแปลง จากการกลายพันธุ์ ให้กลายเป็น “โรคประจำถิ่น (Endemic)” ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของการระบาดครั้งใหญ่
โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการกำหนดให้โรคโควิด-19 กลายเป็น “โรคประจำถิ่น” มาจาก 1.สัดส่วนของประชากรที่มีภูมิคุ้มกันต่อการต่อต้านไวรัส 2.ความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ และ 3.การกลายพันธุ์ของไวรัส
อย่างไรก็ตามตลอด 1 ปี กับ 10 เดือน 2 หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำที่ใช้อธิบาย ถึงการแพร่ระบาดของโรค ได้แก่ การระบาด (Outbreak หรือ Epidemic) การระบาดใหญ่ (Pandemic) และโรคประจำถิ่น (Endemic) โดย “การระบาด” หมายถึง การเกิดเหตุการณ์ที่มีผลต่อสุขภาพมากผิดปกติ เช่น พบผู้ป่วยตั้งแต่ 2 รายขึ้นไปในระยะเวลาอันสั้นหลังร่วมกิจกรรมกัน พบผู้ป่วยมากกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลังในพื้นที่และช่วงเวลาเดียวกัน หรือพบผู้ป่วยโรคที่ไม่เคยพบในพื้นที่นั้นมาก่อนเพียง 1 ราย
ขณะที่ทางวิชาการคำว่า “Outbreak และ Epidemic” มีความหมายเดียวกัน ใช้แทนกันได้ แต่บางครั้งคำว่า “Epidemic” จะหมายถึงการระบาดที่มีขอบเขต ของพื้นที่ใหญ่กว่า เช่น ประเทศ หรือหลายประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ส่วน “โรคประจำถิ่น” ตามพจนานุกรมหมายถึง “โรค ความผิดปกติ” หรือเชื้อก่อโรคที่เกิดขึ้นคงที่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์หรือกลุ่มประชากร ไม่ได้มีเกณฑ์ชัดเจนว่า “คงที่” ต้องเป็นเท่าไร แต่ปกติจะหมายถึงโรคที่เกิดขึ้นประจำในระดับที่คาดการณ์ได้ว่า ส่วนใหญ่จะพบในพื้นที่ใด
ยิ่งล่าสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า...
โควิด-19 กับความหมาย “โรคประจำถิ่น”
ในระยะนี้เราจะได้ยิน โรคโควิด 19 กับ โรคประจำถิ่น
คำว่า “โรคประจำถิ่น” ที่จริงมาจาก “endemic” เป็นการที่โรคระบาดที่เกิดขึ้นเฉพาะท้องที่ เช่น โรคไข้เหลือง เป็นโรคประจำถิ่นในแอฟริกา โรคปอดบวมตะวันออกกลาง (MERS) ประจำถิ่นอยู่ในตะวันออกกลาง และถ้าระบาดใหญ่ทั่วโลก ข้ามทวีป ก็เรียกว่า “pandemic”
โรคโควิด-19 ยังคงระบาดทั่วโลกอยู่แน่นอน ไม่ลดลงมาระบาดอยู่เฉพาะถิ่นใดถิ่นหนึ่งแน่นอน ดังนั้นจึงไม่มีโอกาศที่จะเกิดเฉพาะถิ่น หรือ ประจำถิ่น
โรคระบาดเราจะมีโรคติดต่อทั่วไป (communicable disease) เช่น หัด คอตีบ และโรคติดต่อ ที่เราพบมาตั้งแต่ในอดีต และสามารถควบคุมได้ด้วยวัคซีน เราก็ไม่เรียกว่า โรคประจำถิ่น
โรคติดต่อ มีจำนวนมากมาย ถ้าโรคนั้นมีความร้ายแรง มีความรุนแรง อัตราตายสูง หน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข จะประกาศ เป็น “โรคติดต่ออันตรายร้ายแรง” เพื่อการควบคุม ป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสีย และเรายังมี พรบ โรคติดต่ออันตรายร้ายแรง เพื่อเข้ามาควบคุม โรคนั้นจะอยู่ในบัญชีของพระราชบัญญัติโรคติดต่ออันตรายร้ายแรง
โรค covid19 ก็เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาเราถือว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรง โรคนี้จึงอยู่ในบัญชีตามพระราชบัญญัติ เพื่อใช้กฎหมายมาควบคุมดูแล
ถ้าในอนาคต โรค covid 19 มีความรุนแรงน้อยลง และเราต้องอยู่กับโรคนี้เหมือนกับ อยู่กับโรคทางเดินหายใจอื่นๆ เช่นไข้หวัดใหญ่ ที่จะมาตามฤดูกาล เราก็ไม่ได้ถึงกับควบคุมดูแลแบบโรคติดต่ออันตรายร้ายแรง
ดังนั้นโรคโควิด-19 จึงไม่มีโอกาสที่จะเป็น “โรคประจำถิ่น” เพราะยังคงระบาดทั่วโลก และเป็นไปไม่ได้ที่จะระบาดอยู่เฉพาะถิ่น แต่ถ้าในอนาคต โรคโควิด-19 ความรุนแรงน้อยลง และมีอัตราการป่วยเข้าโรงพยาบาล ไอซียู เสียชีวิต ลดลงอย่างมาก เพราะประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทาน ตัวไวรัสเองลดความรุนแรงลง และถ้าโรคนี้ คล้ายไข้หวัดใหญ่ ก็จะเรียกว่าโรคโควิด 19 ตามฤดูกาล เช่นจะระบาดมากในฤดูฝน หรือ “โรคติดต่อทั่วไป” โดยที่การดูแลและควบคุม และ กฎเกณฑ์ การรายงาน ควบคุม ดูแลรักษา และป้องกันตามปกติคล้ายโรคทางเดินหายใจทั่วไป เช่นไข้หวัดใหญ่
จากที่ “หมอยง” ออกมาวิเคราะห์ ถึงโรคโควิด ว่าจะเป็น “โรคประจำถิ่น” หรือ “โรคติดต่อทั่วไป” ขึ้นอยู่กับการแพร่กระจายของเชื้อในอนาคต แต่ทุกปัจจัยและทุกเงื่อนไข คงขึ้นอยู่กับ “คนไทย” ทั้งประเทศ ว่าจะช่วยกัน และยึดหลักการดูแลตนเอง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดได้มากน้อยแค่ไหนก้เท่านั้น