วันที่ 28 ม.ค.65 ที่ห้องประชุมศรีนครินทร์ ชั้น 2 อาคารยูทาวเวอร์ ถนนศรีนครินทร์ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และ บริษัท บางกอก เอวิเอชั่น ซัพพลาย จำกัด ได้ทำพิธีลงนามสัญญาเช่าทรัพย์สินอาคารระยะยาว ที่เป็นอาคารยูทาวเวอร์ 9 ชั้น อาคารศูนย์ประชุม อาคารโกดังเก็บสินค้าบางส่วน และพื้นที่บริเวณอาคารยูทาวเวอร์ รวมเนื้อที่ประมาณ 18,200 ตารางเมตร ตั้งอยู่เลขที่ 411, 413 ถนนศรีนครินทร์ เขตสวนหลวง กทม. นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก เอวิเอชั่น ซัพพลาย จำกัด เป็นผู้เช่าพื้นที่อาคารยูทาวเวอร์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายกิจการ จึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้สถานที่เพิ่ม เพื่อรองรับการขยายกิจการ ทั้งสำนักปฏิบัติการ สถานที่บรรจุสินค้าหรือหีบห่อ จัดเก็บสินค้า ขนส่งสินค้า และให้เช่าช่วง ในการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หรือผู้สนใจในพื้นที่อาคารยูทาวเวอร์นี้ด้วย โดยพิจารณาเห็นว่าพื้นที่อาคารยูทาวเวอร์ มีความเหมาะสมกับธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง การคมนาคมขนส่ง และสภาพของทรัพย์สิน ด้านนายประกิต พิลังกาสา ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กล่าวว่า หลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ออกจากการฟื้นฟูกิจการ สหกรณ์ฯ ยังมีภาระผูกพันในการชำระหนี้คืนให้แก่สมาชิกรายย่อย เจ้าหนี้ และสหกรณ์เจ้าหนี้ จำนวนหลายพันล้านบาท ตามแผนการชำระหนี้และการฟื้นฟูกิจการ พ.ร.บ.สหกรณ์ การมีคู่สัญญาเช่าทรัพย์สินระยะยาว 26 ปี (ต่อสัญญาทุก 3 ปี) จะทำให้สหกรณ์ฯ มีรายได้ที่มั่นคงต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นตลอดเวลาตามมูลค่าของทรัพย์สิน ที่มีแนวโน้มเจริญเติบโตที่ดี การบริหารงานของสหกรณ์ฯ เพื่อการฟื้นฟูกิจการนั้น นอกเหนือจากเร่งรัดการทำธุรกิจของสหกรณ์ให้เป็นปกติ อาทิ การรับฝากเงิน การปล่อยกู้ หรือการหาสมาชิก สหกรณ์ฯยังมีทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าอีกหลายร้อยล้านบาท เงินทุนก้อนใหญ่มาจากสหกรณ์เจ้าหนี้ขนาดใหญ่หลายแห่ง นำเงินไปฝากไว้กับธนาคารของรัฐ จำนวน 3.5 พันบ้านบาท เสนอ ครม.พิจารณาเห็นชอบปล่อยเงินกู้ดังกล่าวให้สหกรณ์ฯ เพื่อนำมาหมุนเวียนบริหารจัดการหนี้และธุรกิจต่อไป คาดว่ามีผลภายในกลางปี 65 นี้ "นอกจากนี้ สหกรณ์ฯ หวังว่าจะได้รับทรัพย์สิน จำนวน 1.4 พันล้านบาท จากคดีแพ่งและคดีฟอกเงินซึ่งอยู่ในชั้นศาลฎีกา โดยสหกรณ์ฯ เป็นผู้ชนะคดี ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ คงใช้เวลาพอสมควรคาดว่าภายในปีนี้จะมีคำสั่งลงมา"ประธานคณะกรรมการฯ กล่าว นายประกิต กล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางการการชำระหนี้สหกรณ์ฯ ยังยืนบนแผนเดิมที่ศาลมีคำสั่งอนุญาต มีการปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสมตามสถานการณ์และสภาพคล่อง เมื่อได้เงินกู้จากธนาคารแล้วจะเริ่มชำหนี้ให้สมาชิกรายย่อย และเจ้าหนี้ โดยการแฮร์คัทหนี้ หรือลดหนี้ลง 50 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าสหกรณ์ฯมีหนี้ลดลง 4 พันล้านบาท ทำให้สมาชิกรายย่อยได้เงินเร็วก่อนครบกำหนด เหลือเพียงเจ้าหนี้กลุ่มใหญ่คือสหกรณ์เจ้าหนี้ ฉะนั้นการบริหารหนี้จึงเป็นไปง่ายขึ้น