หมายเหตุ : “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” สัมภาษณ์พิเศษ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถึงบทบาทและภารกิจเมื่อได้รับตำแหน่งทางการเมืองสำคัญในพรรคภูมิใจไทย ในการบริหารจัดการ เตรียมความพร้อมในพื้นที่เลือกตั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงการให้มุมมองต่อสถานการณ์ทางการเมือง มีสาระที่น่าสนใจดังนี้
- อยากให้เล่าถึงภารกิจในพื้นที่ภาคใต้ ที่พรรคภูมิใจไทย ต้องเตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งรอบหน้า
ตัวผมเองได้รับการเลือกจากพรรคภูมิใจไทยให้เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ดูแลพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด จริงๆแล้วเราต้องเรียนว่าในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี 2562 ตัวผมเองได้ดูแลทั้ง 14จังหวัดภาคใต้อยู่แล้ว
ก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าในส่วนภาคใต้พรรคเราได้ส.ส.เขตเข้ามา 8 คน และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อีก 3 คนรวมพรรคได้ส.ส.ในภาคใต้ทั้งหมด 11 ที่นั่ง เรามองว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเครดิต ทำให้ผมได้รับความไว้วางใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมเองก็ไม่ได้เป็นผู้บริหารของพรรค แต่ในปีนี้จากการประชุมใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ที่จ.นครราชสีมา ที่ผ่านมา ผมได้รับการทาบทามจากหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ซึ่งตัวผมเองคงจะต้องเข้ามานั่งเป็นกรรมการบริหารพรรคได้แล้ว
พรรคก็เว้นว่างให้ 1ที่นั่ง ในตำแหน่งของรองหัวหน้าพรรค จากนั้นพรรคก็มอบหมายให้ผมเข้าไปนั่งในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ดูแลทั้ง 14 จังหวัด
ซึ่งแน่นอนว่าการที่เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราทำงานร่วมกันโดยมีพรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พวกเราทำงานด้วยกันมา 2ปีกว่าแล้ว ต้องบอกว่าในการมาเป็นรัฐบาลครั้งนี้เราเจอกับวิกฤติที่ค่อนข้างหนัก คือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นเมื่อเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ แล้วจะไปเกี่ยวกับการเมืองได้อย่างไร
แน่นอนว่าเมื่อเราเป็นนักการเมือง เราเป็นผู้บริหาร โดยเฉพาะผมอยู่ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อในระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เราจะไปจัดกิจกรรม ก็คงเป็นเรื่องค่อนข้างยากลำบาก และ นอกจากนี้การจัดสรรงบประมาณปี 2565-2566 กระทรวงท่องเที่ยวฯได้รับงบประมาณมาน้อย เนื่องจากมีการจัดเก็บภาษีได้น้อย การจัดกิจกรรมก็คงน้อยลง เพราะฉะนั้นตรงนี้จะไปต่อเนื่อง ไปเชื่อมโยงกับการเมือง โดยเฉพาะในภาคใต้ของเราที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง หลายจังหวัดไม่ว่าจะเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว อย่างเกาะสมุย ที่สุราษฎร์ธานี หรือจังหวัดภูเก็ตทั้งเกาะ หรือจังหวัดกระบี่
แต่เมื่อเราเกิดภาวะวิกฤติ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ ถามว่าแล้วการเมืองเข้าไปเกี่ยวได้อย่างไร ตรงไหน แน่นอนว่าการเมืองต้องเกี่ยวเนื่องในทุกเรื่อง เพราะคนเป็นส.ส.ต้องดูแลชาวบ้าน ในพื้นที่ตัวเอง เมื่อชาวบ้านเดือดร้อน เขาก็ต้องสะท้อนปัญหาผ่านส.ส.มา ตรงนี้คนเป็นส.ส.ก็ต้องลงไปช่วยชาวบ้านแก้ปัญหา
และยิ่งเมื่อเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล สิ่งที่จะสะท้อนกลับมาสู่พรรคร่วมรัฐบาลว่า แล้ววันนี้ในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัดเสียหายขนาดนี้ เดือดร้อนขนาดนี้แล้วพรรคภูมิใจไทยจะมีส่วนลงไปช่วยเหลืออย่างไร แม้ว่าพรรคภูมิใจไทยเราจะไม่ได้ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ เราดูแลกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นกระทรวงบริการ แต่ก็ยังมีกระทรวงท่องเที่ยวฯที่มีความเกี่ยวเนื่องกับด้านเศรษฐกิจ
ดังนั้นทุกอย่างจะโถมมาที่ผมว่า แล้วเมื่อไหร่จะมาประชาสัมพันธ์จังหวัดฉัน บ้านฉัน ภาคฉันบ้าง โดยเฉพาะภาคใต้ ซึ่งผมเองก็เป็นคนภาคใต้ คนก็จะรุกมาที่ผมเยอะ ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว และที่ผ่านมาก็ต้องถือว่าเราผ่านมาได้ในระดับหนึ่ง เราลงพื้นที่ไปสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ และแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นชุมชน เช่นตรัง สตูล นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส จุดนี้เราก็ต้องดูว่าเรามีแหล่งท่องเที่ยวชุมชนอะไร ตรงไหน ที่จะหยิบขึ้นมาตั้งบนโต๊ะ แล้วเอาไปประชาสัมพันธ์ เพื่อเชิญให้คนไปเที่ยว
สิ่งเหล่านี้มันเกี่ยวเนื่องกับการเมืองหมด และการที่ผมได้รับความไว้วางใจว่าให้มาดูแล ภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องขอบคุณท่านหัวหน้ากับเลขาฯพรรค ที่ไว้วางใจผมและเชื่อว่า เมื่อผมมาดูแลภาคใต้แล้วก็คงจะ ไม่ทำให้พรรคภูมิใจไทย ได้รับการเลือกตั้งในคราวต่อไปน้อยกว่าที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน
แน่นอนว่าสำหรับตัวผมเองเมื่อรับผิดชอบแล้ว ผมก็คงต้องพยายามอย่างเต็มที่ ครั้งที่แล้วพรรคได้ส.ส.เขตในภาคใต้ 8ที่นั่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 3คน ในครั้งต่อไปอย่างไรเราก็จะรักษาส.ส.ที่เรามีอยู่เดิมเอาไว้ให้ได้ และที่สำคัญทราบว่าจะมีการเพิ่มจำนวนเก้าอี้ส.ส.ใน14จังหวัดภาคใต้ขึ้นจากเดิมอีกราว 10 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมมีส.ส.เขตภาคใต้ทั้งสิ้น 50 ที่นั่ง
ซึ่งเราควรจะได้เข้าไปแชร์ในส่วนที่เพิ่มขึ้นมา โดยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เราน่าจะมีส.ส.ภาคใต้ได้ทั้งหมด 58-59 เขต ดังนั้นเราควรจะมีส.ส.เพิ่มขึ้นมา 1-2 คน นั่นคือผมต้องทำให้ได้ 10 คน
ส่วนถ้าหากว่าพี่น้องชาวภาคใต้ เห็นว่าพรรคภูใจไทยของเราทำงานแล้วตอบโจทย์ ให้กับคนภาคใต้ได้ก็ขอให้ช่วยกันเลือกพวกเรา เพื่อให้พวกเราได้เข้ามามากขึ้นกว่าที่มีอยู่เดิม เพื่อให้มาเป็นปากเป็นเสียงให้กับคนไทยทั้งประเทศ ให้กับภาคใต้ หากเราได้เป็นรัฐบาล เราก็จะนำ นโยบายของพรรคลงไปสะท้อนมาสู่รัฐบาล เพื่อนำไปเป็นนโยบายของรัฐบาลในอนาคตข้างหน้าต่อไป
ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2566 แน่นอนว่าผมกำหนดเองไม่ได้ แต่เป็นพี่น้องประชาชน ชาวภาคใต้ทุกคนว่า พรรคภูมิใจไทยทำงานแล้วเข้าตาคุณไหม ? ตอบโจทย์ไหม ถ้าตอบโจทย์ก็ขอให้ช่วยเลือกเราหน่อย
-เหตุใดพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด จึงกลายเป็นสนามเลือกตั้งที่หลายพรรค ต้องการส่งคนลงไปชิงเก้าอี้ส.ส. กันอย่างคึกคัก ประเมินว่าในการเลือกตั้งรอบหน้าในปี 2566 จะดุเดือดมากขึ้นหรือไม่
จะดุเดือดหรือไม่ดุเดือด ผมคิดว่าจากผลของการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมาทั้งที่เขต 1 ชุมพร และเขต 6สงขลา เราคงได้เห็นบรรยากาศแล้ว รวมทั้งในระหว่างการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ก็ออกมาในทิศทางที่ค่อนข้างดุเดือด มีคนถามผมว่าทำไมพรรคภูใจไทยซึ่งมีผมดูแลภาคใต้ ถึงไม่ส่งคนลงสมัคร ซึ่งผมมองว่าเราคำนึงเรื่องมารยาททางการเมือง เราไม่ไปแข่งขันกันเอง
ตลอดมาในการเลือกตั้งซ่อม พรรคภูมิใจไทยเราไม่เคยส่งผู้สมัครเลยไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งซ่อมที่จ.นครศรีธรรมราช จนมาถึงการเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพรและสงขลา พรรคก็ไม่ส่งคนลง ทั้งที่จริงๆแล้วผมต้องบอกเลยว่าได้เตรียมผู้สมัครเอาไว้แล้ว ทั้งสองเขตที่ชุมพรและสงขลา แต่เมื่อพรรคมีมติออกมาว่าไม่ส่งคนลงชิงเก้าอี้ส.ส. ผมก็ไม่ส่งใครลง ผมก็ยึดถือนโยบายของพรรค แต่เราต้องมีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าเมื่อไม่ส่งคนลงแล้วเราก็จะหยุดการเคลื่อนไหว
ผมบอกได้เลยครับว่า เมื่อวันที่มีการเลือกตั้งส.ส.ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ พรรคภูมิใจไทย เราเดินทุกเขตเลือกตั้ง เราเดินไปพร้อมๆกับผู้สมัครของเรา เราได้ลงไปซักปัญหาของคนในพื้นที่แต่ละจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นฝั่งอันดามัน หรือฝั่งอ่าวไทย หรือแม้กระทั่งในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ พรรคภูมิใจไทยเรามีผู้สมัครทุกจังหวัดในขณะนี้ แต่บางจังหวัดก็อาจจะยังไม่ครบ บางจังหวัดก็ครบแล้ว เราพยายามลงไปถามสารทุกข์สุกดิบ เราถามถึงความต้องการว่าสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยควรจะช่วยสร้างอาชีพ สนับสนุนการทำมาหากิน หรืออยากจะให้เราทำอะไร ขอให้นำเสนอมา พรรคเราก็มีทีมงาน มีผู้บริหารในทุกสาขา พรรคพร้อมที่จะให้คำปรึกษากับชุมชนต่างๆ ใน14จังหวัดภาคใต้
-ปีนี้อาจจะถือเป็นปีสุดท้ายของวาระรัฐบาล ก่อนที่จะไปครบเทอมในปี 2566 อยากถามถึงเสถียรภาพของรัฐบาล ของพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้เรายืนยันความเหนียวแน่นได้หรือไม่
ผมเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเขาดูแลกันเองได้หมด โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำของรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา ในการประชุมครม. มีการหารือกัน สิ่งต่างๆเราก็จะพูดคุยกัน แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เราไม่เคยมีอะไรที่เป็นข้อขัดแย้งกันจริงๆ แต่อย่าไปดูเรื่องของการหาเสียงในช่วงเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา เพราะนั่นคือบทบาทที่แต่ละพรรคต้องแสดง ให้ประชาชนได้เห็นว่าพรรคเรามีนโยบายแบบนี้ มีจุดยืนแบบนี้ นั่นคือการต่อสู้ทางการเมือง
แต่สำหรับบทบาทในการทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เรามีการบูรณาการทำงานร่วมกันของ 4-5พรรคการเมือง เราเดินหน้าไปพร้อมๆกัน เราไม่เคยมีการขัดแย้งกัน ในที่ประชุมครม.เลยสักครั้ง ทุกพรรคต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรายืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น แต่จะไปบอกว่ารัฐบาลมีรอยร้าว ผมว่าไม่ใช่เลย ในการประชุมครม.เราไม่เคยมีวิวาทะกัน
แต่การเลือกตั้ง การหาเสียงเป็นเรื่องปกติ และสำหรับพรรคภูมิใจไทยเราจะไม่ได้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมเขตใดเลยที่ผ่านมา แต่เมื่อเราโดดลงสนามเมื่อใด เราก็ต้องสู้เต็มที่ ถ้าไม่สู้เต็มที่ก็อย่าไปส่ง
เราอยากจะบอกว่าพรรคภูมิใจไทยเรา ไม่ถอยนะครับ ถึงแม้เลือกตั้งซ่อมเราจะไม่ส่งผู้สมัครลงสนามมาถึง 2 ครั้ง แต่ถ้าหากมีการเลือกตั้งซ่อมที่จ.พัทลุง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเราอาจจะมีส.ส. 2 คนที่อาจจะถูกวินิจฉัยให้โดนใบเหลือง ซึ่งตอนนี้ถูกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ไปแล้ว เราก็กำลังรอป.ป.ช.ชี้มูล และศาลตัดสินอยู่
เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมในนามส.ส.พรรคภูมิใจไทย ผมบอกได้เลยว่าในฐานะที่เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ผมประกาศเลยว่า ผมสู้ตาย ถึงอย่างไรผมก็ต้องรักษาพื้นที่ของพรรคเอาไว้ให้ได้ รักษาพื้นที่ของผมเอาไว้ให้ได้ ถึงที่สุด ของๆเรา เราก็ตั้งรักษาเอาไว้ให้ได้ และวันนี้พรรคภูใจไทยชูสโลแกนใหม่จากการประชุมใหญ่ที่ผ่านมาล่าสุด ว่า “พูดแล้วทำ” นี่คือม็อตโต้ใหม่ของพรรคภูมิใจไทย
“ขอให้คนไทยทั้งประเทศช่วยกันดูว่าภูมิใจไทยพูดแล้วทำจริงหรือไม่ ถ้าพูดแล้วทำจริงก็ขอให้ช่วยกันสนับสนุน แต่ถ้าพูดแล้วไม่ทำอย่าไปสนใจ ทิ้งพรรคภูมิใจไทยไปได้เลยครับ”

