วันที่ 27 ม.ค.65 ที่บริเวณศาลาอเนกประสงค์ รร.วัดดอนสว่าง หมู่ 8 ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี นายเทวา จุฬารี พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ ตำแหน่ง ผอ.ศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษ เขต 7 พร้อมด้วยนายสุรชัย สวนสีดา เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ นายมานะ หอมชื่น เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ และ พันจ่าเอกพรศักดิ์ พุ่มแพร เจ้าพระกงานธุรการชำนาญการ ได้เดินทางเข้าพบนายวิเชียร์ เอกศิริวรานนท์ กำนันตำบลกลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี และนายโกวิท ชนะวงษ์ และนายสมาน ทาถี นายเคียง จอมขวัญ นายพลอย คุ้มชั่ว 4 แกนนำ และตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน 4 หมู่ มารอต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI. เขต 7 ด้านนายวิเชียร์ เอกศิริวรานนท์ กำนันตำบลกลอนโด และนายโกวิท ชนะวงษ์ ร่วมกันกล่าวว่า "การที่กลุ่มชาวบ้านและตัวแทนมารอต้อนรับ สืบเนื่องจากทราบว่าเจ้าหน้าที่สอบสวนคดีพิเศษDAI จะเดินทางมาพบเพื่อทวงถามความคืบหน้าในการสอบสวนเรื่องที่ดิน จำนวน 6,982 ไร่ 3 งาน 40 ตรว.ที่มีอาณาเขตติดต่อพื้นที่ 4 หมู่บ้าน ได้แก่ ม.5 ม.6 ม.8 และม.9 ที่ถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกที่สาธารณะ (ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตวทุ่งเขาภูทอง) เรื่องนี้กลุ่มชาวบ้านและแกนนำได้เรียกร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อำเภอ และ อบต.มา 3 ปี มาแล้วเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2551ได้มีชาวบ้านรวมตัวกันไปร้องเรียนนายชัยภักดิ์ สุนทรหงส์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ยมาแล้ว ซึ่งทางอำเภอได้รับเรื่องไว้ แต่เรื่องก็เงียบหายไป เนื่องจากท่านนายอำเภอถูกย้ายไปเป็นนายอำเภอเมืองนครปฐม ในสมัยนั้น จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 61 นายโกวิท ชนะวงษ์ กับพวกแกนนำรวมทั้งตัวแทนชาวบ้าน ได้ไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และยื่นหนังสือร้องเรียนไปที่นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย และที่ อบต.กลอนโด เพื่อทวงถามความคืบหน้าของการดำเนินการ แต่ก็ได้รับคำตอบมาตลอดว่า กำลังดำเนินการอยู่ จนทุกวันนี้เป็นเวลานานกว่า 3 ปีเศษแล้ว ความหวังของชาวบ้าน 4 หมู่บ้าน ต้องการเพียงทวงคืนผืนป่าสาธารณะที่กรมที่ดินในสมัยนั้นออกเป็นเอกสารสิทธิ์(นสล.) ก็ยังเป็นสิ่งที่เลื่อนลอยที่หาหน่วยงานภาครัฐของจังหวัดมาช่วยเหลือแก้ไขอะไรไม่ได้ ทุกวันนี้ผืนป่าที่ใช้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ตามเอกสารฯ ได้ถูกบุกรุก ซึ่งมีรายชื่อผู้บุรุกจำนวน 47 ราย เรียกสอบไปแล้ว 21 ราย ส่วนอีก 26 รายไม่มีการเรียกสอบ บางรายมีการนำไปออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองอย่างถูกต้องอีกด้วยจำนวนหลายแปลง เมื่อกลุ่มชาวบ้านเห็นว่า เรื่องราวการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ 6 พันกว่าไร่เศษ ไม่มีหน่วยงานของทางราชการเข้าดูแลแก้ไข ความหวังสุดท้าย จึงทำหนังสือร้องไปที่กรมสืบสวนคดีพิเศษ DSI.เขต 7 เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องการทวงคืนผืนป่าทุ่งหญ้าเกษตรกรรมสำหรับเลี้ยงสัตว์สาธารณะประโยชน์ของชาวบ้านให้กลับคืนมาเท่านั้น นายวิเชียร์ เอกศิริวรานนท์ กำนัน ต.กลอนโด กล่าว" ด้านนายเทวา จุฬารี พนักงานสอบสวนคดีชำนาญการ ตำแแหน่ง ผอ.ศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษ เขต 7 กล่าวว่า "ที่เดินทางมาวันนี้เป็นคำสั่งของท่านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSiได้สั่งการให้คณะทำงานลงพื้นที่สอบสวน และตรวจสอบหลักฐานข้อเท็จจริงจากกลุ่มชาวบ้าน เพื่อหลักฐานข้อเท็จจริงไปรายงานต่ออธิบดีฯ เพื่อออกคำสั่งรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบดูหลักฐานในพื้นที่ คาดว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านบางคน กระทำการทุจริตประพฤติมิชอบ นำที่ดินหลวงไปออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่กลุ่มนายทุนผู้บุกรุก ต้องขอเวลาตรวจสอบหลักฐานจากหน่วยงานรัฐ และผู้ครอบครองที่ดินว่า ท่านได้ถือครองที่ดินสาธารณะมาได้อย่างไร ขอให้ชาวบ้านสยายใจได้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI.)เขต 7 จะลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อทำความจริงให้ปรากฎ ผู้กระทำผิดกฎหมายต้องถูกลงโทษ" ผอ.ศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษ เขต 7 กล่าว จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เขต 7 จึงได้เดินทางไปตามจุดต่างๆ ในที่ดินที่มีการร้องเรียนว่า ถูกกลุ่มนายทุนบุกรุก โดยมีกำนันและแกนนำชาวนำพาไปตรวจสอบหลักฐานตามเอกสารของกรมที่ดินได้ออกให้ จนกระทั่ง 17.00 น.จึงเดินทางกลับ มีรายงานข่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบหลักฐานการถือครองที่ดินของรัฐ จำนวน 6,982 ไร่ 3 งานเศษที่เป็นที่ดิน(นสล.) ที่ถูกบุกรุกนำไปออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย รับรองว่า อดีตข้าราชการในสมัยนั้นรวมถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการฝ่ายปกครอง ปกครองท้องถิ่น อดีตกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน มีหนาวในช่วงอากาศร้อนอย่างแน่นอน หากพบว่า มีการใช้กระสุนดินดำนำทางในการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย