"กัญชา-กัญชง" ในอดีตเคยถูกบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาแผ่นดินว่าเป็น "ยาเสพติดประเภทที่ 5" หากผู้ใดผลิต นำเข้า หรือส่งออกโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท หากกระทำเพื่อจำหน่าย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี - 15 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 - 1,500,000 บาท ปัจจุบัน"กัญชา-กัญชง" เป็นพืชเศรษฐกิจของหลายประเทศ เนื่องด้วยคุณประโยชน์ที่หลากหลายโดยเฉพาะในทางการแพทย์ นำมาผลิตเป็นยาเพื่อรักษาผู้ป่วยได้หลายโรค ประกอบกับความต้องการในตลาดโลกที่มีแนวโน้มเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยจึงมีโอกาสที่จะกลายเป็นผู้เล่นหน้าใหม่และสามารถเกาะเกี่ยวการเติบโตในตลาด"กัญชา-กัญชง"โลกได้ หากย้อนกลับไป "พรรคภูมิใจไทย" คือพรรคการเมืองที่นำเอาเรื่องการปลดล็อก"กัญชา-กัญชง" มาเป็นนโยบายหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พร้อมทั้งเริ่มผลักดันร่างแก้ไข พ.ร.บ.กัญชากัญชงฯ เข้าสู่สภาฯ หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ “บอร์ด ป.ป.ส.” มีมติปลดล็อคพ้นจากรายชื่อยาเสพติด แม้ว่านโยบาย “กัญชา” จะใช้ระยะเวลาผลักดัน 1-2 ปี แต่วันนี้เห็นผลเป็นรูปธรรมแล้ว เนื่องจาก "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกรัฐมตรี และรมว.สาธารณสุข เดินหน้าหารือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ “ปลดล็อค” กัญชาให้พ้นจากการเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนสามารถปลูกไว้ใช้ได้ทุกบ้านเพื่อสุขภาพ โดยการจดแจ้ง แทนการขออนุมัติ สำหรับนโยบายนี้ กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศมาตั้งแต่เริ่มต้นเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเตรียมปลดล็อค“กัญชา” แต่ทว่าติดขัดกับกฎหมายหลายหน่วยงานยิบย่อย โดยเฉพาะ ป.ป.ส. จนล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ม.ค.65 ที่ผ่านมา บอร์ด ป.ป.ส.มีมติ “ปลดล็อค” กัญชาแล้ว ด้วยความพยายามต่อสู้ของคนภูมิใจไทย โดยฝ่ายนิติบัญญัติ อย่าง"นายอนุทิน " และส.ส.พรรคภูมิใจไทย จะผลักดันร่าง พ.ร.บ “กัญชา กัญชง” เข้าสภาฯต่อไป และหลังจากที่ประกาศฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ คือ 120 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา กัญชา ที่ผลิตในประเทศไทย จะไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป และจะไม่อยู่ใน พ.ร.บ.ยาเสพติด เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของกัญชา ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า อีก 120 วัน นโยบายปลดล็อก"กัญชา-กัญชง" ของพรรค"ภูมิใจไทย"หากสำเร็จ ก็จะไม่มีการนำกฎหมายยาเสพติดมาใช้กับผู้ปลูกกัญชา เพื่อพึ่งพาตนเอง ได้อีกต่อไป