“ยุติธรรม เผยสถานการณ์โควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์ สถานการณ์ทั่วไปยังดี มีการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาผู้ติดเชื้ออย่างเป็นระบบพร้อมเตรียมแผน EXIT เรือนจำเพิ่มอีก 2 แห่ง” วันที่ 26 มกราคม 2565 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 4/2565 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ยังคงไม่พบเรือนจำระบาดใหม่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยมีจำนวนเรือนจำสีขาว 134 แห่ง และเรือนจำสีแดง 8 แห่ง แบ่งเป็นเรือนจำระบาดใหม่ 5 แห่ง และเรือนจำที่พบการติดเชื้อซ้ำในแดนบางส่วน 1 แห่ง ขณะที่มีเรือนจำที่สามารถลดการระบาดอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) 2 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดภูเก็ต และเรือนจำกลางพิษณุโลกที่สามารถ EXIT ได้เป็นบางส่วนแล้ว และคาดว่าจะพ้นจากการระบาดทั้งเรือนจำได้ในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ พบเพิ่ม 106 ราย เป็นการพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 18 ราย และจากเรือนจำสีแดงที่ยังอยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 88 ราย จึงมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น 621 ราย (กลุ่มสีเขียว 85.5% สีเหลือง 14.3% และสีแดง 0.2%) มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 85,468 ราย หรือ 96.5% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 88,556 ราย โดยไม่มีรายงานการเสียชีวิตติดต่อกันเป็นวันที่ 11 จึงมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 187 ราย คิดเป็น 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมในวันนี้ พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยทั่วไปยังคงดี มีการป้องกันและควบคุมการระบาดอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะมาตรฐานในการตรวจคัดกรอง คัดแยก และดูแลรักษาผู้ติดเชื้อที่ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและเป็นมาตรฐาน ภายใต้การประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกเรือนจำและทัณฑสถาน เคร่งครัดการตรวจหาเชื้อและการกักตัวผู้ต้องขังก่อนปล่อยตัวพ้นโทษให้เป็นไปตามมาตรการที่วางไว้ เพื่อไม่ให้มีการแพร่กระจายเชื้อสู่ภายนอก โดยเฉพาะในเรือนจำสีแดงที่มีการระบาดของโรค ขณะที่การดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ต้องขัง พบว่าปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จำนวน 248,327 ราย หรือคิดเป็น 90.2% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 272,545 ราย โดยเน้นย้ำให้ทุกเรือนจำ/ทัณฑสถานเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนในผู้ต้องขังทุกราย โดยเฉพาะผู้ต้องขังเข้าใหม่ที่ยังอยู่ระหว่างการกักโรค เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้สามารถป้องกันเชื้อหรือลดความรุนแรงของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันพุธที่ 26 มกราคม 2565 พบมีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัวเป็นจำนวน 28 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 13 ราย และเยาวชน จำนวน 15 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 49 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 7 แห่ง พบว่ามีการติดเชื้อ ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นรวมจำนวน 3,482 ราย หรือคิดเป็น 89.35% จากทั้งหมด 3,897 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 3,936 ราย หรือคิดเป็น