เมื่อวันที่ 22 ม.ค.65 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย, พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.รณกร สุขมงคล, พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา, พ.ต.ท.ศุภกร ตังคะประเสริฐ พ.ต.ท.ภัทรพันธ์ ศิริเพิ่มพูลชัย รอง ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ต.ณรงค์ หาญสันเทียะ สว.กก.4 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายกวินพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดลำปาง ที่ จ.3/2565 ลง 17 ม.ค. 65 คดีอาญาที่ 223/2564 ในข้อหาว่า “ฉ้อโกง, เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น” ได้ที่ลานจอดรถปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย สืบเนื่องจากเมื่อปี 2560 พระวัดดังในจังหวัดลำปาง ได้รู้จักนายกวินพัฒน์ (ผู้ต้องหา) จากการที่มารดาของนายกวินพัฒน์ (ผู้ต้องหา) มาทำบุญที่วัดเป็นประจำและได้แนะนำให้รู้จักกัน จนกระทั่งปิ.2561 นายกวินพัฒน์ เห็นว่าทางผู้เสียหายมีญาติโยมศรัทธานำเงินมาทำบุญเยอะ จึงชักชวนให้ผู้เสียหายนำเงินมาลงทุนทำประกันชีวิต โดยจะได้รับผลตอบแทน 14% ต่อปีของเบี้ยประกันที่ชำระไปพร้อมกับคอมมิชชั่นของนายกวินพัฒน์ อีก10% รวมแล้วจะได้ค่าตอบแทน 24% ต่อปี ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และเห็นว่าเงินจำนวนดังกล่าวมีประโยชน์สามารถนำมาพัฒนาวัดได้ ผู้เสียหายจึงตัดสินใจนำเงินส่วนตัวมาทำประกันชีวิตกับนายกวินพัฒน์ ซึ่งเป็นตัวแทนฝ่ายขายบริษัทประกันชีวิตชื่อดังรวมแล้วเป็นเงินหลายล้านบาท ในช่วง 1-2 ปีแรก นายกวินพัฒน์ได้ให้ดอกเบี้ยพร้อมกับค่าคอมมิชชั่นตามที่ตกลงกันไว้บ้างแม้จะไม่ครบถ้วนทั้งหมด แต่ผู้เสียหายไม่ติดใจ เพราะนายกวินพัฒน์ อ้างว่าจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปหมุนเวียน ต่อมาเดือน พ.ย.63 นายกวินพัฒน์ ยังใช้อุบายหลอกเอาเงินจากผู้เสียหายอีกจำนวนหนึ่ง โดยอ้างว่าจะนำเงินไปลงทุน และจะรีบนำเงินมาคืนโดยเร็วพร้อมกับดอกเบี้ย ในอัตราที่สูง ผู้เสียหายเห็นว่านายกวินพัฒน์ เป็นลูกศิษย์ที่สนิทสนม และไว้ใจกัน จึงมอบเงินให้ไปลงทุน ช่วง 1-2 เดือนแรกนายกวินพัฒน์ ได้โอนเงินให้โดยอ้างว่าเป็นผลตอบแทนจากการลงทุน และจากนั้นก็ไม่ได้โอนเงินมาอีก ต่อมาปี 2564 ผู้เสียหายได้รับทราบจากลูกศิษย์ ที่ทำงานร่วมกับนายกวินพัฒน์ฯ (ผู้ต้องหา) ว่ากรมธรรม์ที่ผู้เสียหายทำไว้ได้มีการเวนคืน และขอรับเงินเบี้ยประกันคืนไปแล้ว ผู้เสียหายจึงได้ทำการตรวจสอบไปยังบริษัทประกันชีวิตฯ พบว่านายกวินพัฒน์ฯ (ผู้ต้องหา) ได้ปลอมแปลงลายเซ็นของผู้เสียหายเพื่อทำการขอเวนคืนกรมธรรม์และรับเงินค่าเบี้ยประกันคืนไปเป็นเงินหลายล้านบาท ผู้เสียหายจึงได้พยายามติดต่อไปยังนายกวินพัฒน์ฯ (ผู้ต้องหา) แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกนายกวินพัฒน์ฯ (ผู้ต้องหา) หลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน รวมมูลค่าความเสียหายนับสิบล้านบาท จึงได้มอบอำนาจให้ลูกศิษย์ มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พงส.สภ.สบปราบ อ.สบปราบ จ.ลำปาง ให้ดำเนินคดีกับนายกวินพัฒน์ (ผู้ต้องหา) ให้ถึงที่สุด หลังก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายกวินพัฒน์ฯ (ผู้ต้องหา) ได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จนกระทั่งในวันที่ 21 ม.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ บริเวณลานจอดรถปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ตำบลแม่เจดีย์ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อหาตามหมายจับ และควบคุมตัวมาทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.แม่เจดีย์ ก่อนนำส่ง พงส.สภ.สบปราบ อ.สบปราบ จ.ลำปาง เพื่อดำเนินคดีต่อไป สอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เตือนภัย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงขอเตือนผู้ที่จะทำประกันภัย ให้ใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อประกันภัย ทำประกันภัย กับตัวแทน-นายหน้าประกันภัยที่มีใบอนุญาตถูกต้อง รวมถึงการจ่ายเบี้ยประกันภัยต้องได้รับหลักฐานของบริษัทประกันภัยทุกครั้ง