"SAIJAI" หรือ "ใส่ใจ" มาร์เก็ตเพลสออนไลน์แบบออนดีมานด์ใหม่ แนะโอกาสทางการตลาดที่สำคัญ จากการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุในประเทศไทยที่พุ่งสูงถึง 16.3 ล้านคน ซึ่งจะเป็นกลุ่มตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดเป็น 30% ของตลาดภายในปี 2573 รวมถึงความต้องการของสังคมไทยสูงอายุกำลังเปลี่ยนไป และค่านิยมหลักในการดูแลสมาชิกในครอบครัวที่มีอายุมากกว่ายังคงแข็งแกร่ง ปัจจุบัน ครอบครัวในประเทศไทยมีลักษณะเป็น "ครอบครัวหลายรุ่น" (multi-generational households) คือมีการรวมกันของกลุ่มคนหลายวัยในครอบครัวขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงสมาชิกครอบครัวที่เป็นผู้สูงอายุ ส่งผลให้โครงการที่อยู่อาศัยประเภท "บ้าน" ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นที่ต้องการเพิ่มเติม ในขณะเดียวกัน ก็ส่งผลให้บริการดูแลที่บ้านตามคำขอ (on demand) การดูแลผู้สูงอายุแบบเรียลไทม์อย่างมืออาชีพก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน "SAIJAI" มาร์เก็ตเพลสออนไลน์แบบออนดีมานด์ใหม่ ได้เปิดตัวขึ้นในปลายปี 2564 เพื่อเจาะตลาด Care From Home ในไทย ให้บริการดูแลถึงที่บ้านตามความต้องการ ตอบโจทย์คนยุคใหม่แบบครบวงจรและสะดวกสบายมากกว่าที่เคยมีมา ครอบคลุมบริการที่หลากหลาย โดยเฉพาะบริการดูแลผู้สูงอายุ ตั้งแต่การดูแลส่วนบุคคล การเดินทาง การเคลื่อนไหว ไปจนถึงการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มประชากรสูงอายุในไทย คุณบิล บาร์เน็ต ผู้ร่วมก่อตั้ง SAIJAI ให้ความเห็นว่า วิกฤตการณ์โลกในปัจจุบันได้สร้างโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญที่สุด กล่าวคือ เราเห็นการเติบโตในการเพิ่มขึ้นของกลุ่มคนสูงอายุ ดังนั้น โดยเสาหลักของการบริการของเราคือตอบโจทย์กลุ่มอาวุโสนี้ และ 'บริการตามความต้องการ' ซึงเป็นอนาคตของภาคบริการของประเทศไทยที่แข็งแกร่ง ในเดือนกันยายนของปี 2564 สตาร์อัพ SAIJAI ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการดูแลบ้านออนไลน์เฟสที่ 1 ขึ้น ด้วยขั้นตอน MVP เชิงกลยุทธ์ (Minimum Viable Product) การประเมินราคาก่อนวางตลาด โดยการระดมทุนรอบแรกจะสิ้นสุดลงในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งมีการตอบรับที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน SAIJAI ไม่เพียงแต่ให้บริการดูแลสำหรับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลเด็ก, แม่บ้าน, การสอนพิเศษ, คนขับรถ, และดูแลสัตว์เลี้ยง โดยมีเครือข่ายผู้ดูแลผู้ป่วยกว่า 2,000 รายทั่วประเทศบนแพลตฟอร์มและเพิ่มขึ้นทุกวัน ปัจจัยที่กระตุ้นให้ SAIJAI เติบโตแบบก้าวกระโดด มาจากการเข้าถึงแพลตฟอร์มที่ง่ายยิ่งขึ้นผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยประเทศไทยมีประชากรที่มีโทรศัพท์มือถือ 75% ของประชากร 70 ล้านคนทั่วประเทศ หมายความว่า ผู้ใช้บริการ SAIJAI สามารถใช้บริการได้อย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชัน เช่น LINE และ Messenger บนอุปกรณ์เคลื่อนที่แทนการใช้งานบนเว็บไซต์ "เศรษฐกิจแบบเฉพาะกิจหรือแบบ Gig Economy ของประเทศไทยพุ่งสูงขึ้น โดยภาวะว่างงานจากภาคการท่องเที่ยวและการบริการในประเทศไทยมีมากขึ้น แต่ผู้คนเหล่านั้นมีความสามารถในการให้บริการสูง ดังนั้น SAIJAI จึงจะช่วยให้เกิดการทำงานเป็นผู้ดูแลที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยสามารถจัดตารางเวลาการทำงานของตนเอง เลือกทำงานแบบเฉพาะกิจหรือแบบนอกเวลาได้ ซึ่งนับเป็นเทรนด์การทำงานที่กำลังจะกลายเป็นบรรทัดฐานรูปแบบใหม่ในอนาคต"