ปัตตานีเกิดไฟไหม้บ้าน​ สามีภรรยาและลูก 11ขวบ หนีตายออกทางหน้าต่าง ลูกสำลักควันเข้ารพ ส่วนทรัพย์สิน เสื้อผ้าไม่เหลือ จนสามีภรรยาทรุด เนื่องจากอยู่ในช่วยโควิด19และขาดรายได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 21 ม.ค. 2565 เวลาประมานตี 02.00 น สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุไฟไหม้บ้านเลขที่ 47/1 ถ.กะลาพอ อ.เมือง จ.ปัตตานี จึงรุกไปตรวจสอบพร้อมกับรถดับเพลิงเทศบาลเมืองปัตตานี ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านห้องเช่า 2 ชั้น เปิดเป็นร้านซ่อมแอร์รถยนต์ ห้องครัวเป็นเพลิงไม้ ไฟกำลังลุกไหม้ ประกอบกับมีควันดำก้อนใหญ่ ทั้งหมดถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงนำรถน้ำ 5 คัน ระดมฉีดน้ำนานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการสอบสวนทราบ ก่อนเกิดเหตุสามีภารยากำลังนอนหลับ และลูกสาว 11 ขวบ นอนอีกห้อง ทั้งหมดนอนอยู่ชั้น2 ต่อมาภารยาสะดุ้งตื่น เนื่องจากได้กลิ่นไหม้ จึงเรียกสามีให้ไปดู กระทั้งสามีลงมาชั้นล้างพบควันดำโขมงและมีไฟกำลังลุกไหม้ภายในบ้าน จึงขึ้นไปเรียกภารยา ก่อนไปอุ้มลูกที่นอนอยู่ หาทางหนี ระหว่างนั้นด้วยควันดำคลุ้งไปทั่วจนมองไม่เห็นทาง ทำให้ลูกเกิดสำลักควัน โดยสามีภารยา พยายามดิ้นรนออกมา จนสามารถออกมาทางหน้าต่างเพื่อไปยังบ้านอีกหลัง จนรอดอย่างหวุดหวิด ก่อนส่งลูกสาวไปโรงพยาบาล พบว่ามีตาแดง หายใจไม่สะดวง แพทย์จึงให้ออกซิเจน ล่าสุดปลอดภัยแล้ว ส่วนสามีภรรยาอยู่ในสภาวะตกใจ หลังไฟสงบ กระทั่งสามีมีอาการตามัว หายใจไม่สะดวก ญาติส่งตัวไปโรงพยาบาลปัตตานี ทั้งนี้ต้นเพลิงมาชั้นล่าง ก่อนไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็ว ส่วนความเสียหาย พบว่าอุปกรณ์ เครื่องมือซ่อมแอร์ และรองเท้าหลายคู่ทีภรรยาเปิดขาย เสียหายทั้งหมด ประกอบกับทรัพย์สิน เสื้อผ้าไม่เหลือ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุมูลค่าความเสียหายได้ ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ คาดว่าน่าจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากเป็นบ้านเก่า ประกอบสายไฟภายในบ้านมีสภาพเก่า แต่ต้องรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง ด้านนายมูฮำมัดไซดี ปอซอตี สามี เผยอยู่ในอาการตกใจ ว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมภรรยาและลูกนอนอยู่ชั้น2 ภรรยามาปลุกตนว่าได้กลิ่นควันไฟ ตนลงไปดู ปรากฏว่ามีควัน ตนลองถอดปลั๊กไฟออก แต่ก็ยังมีควัน จนเริ่มคลุ้ง และควันดำมาก จากนนั้นก็ไปอุ้มลูก และไปจูงภรรยาลงมาจากบ้าน แต่ไม่สามารถออกได้ เพราะไฟกำลังเริ่มลุกไหม้ และมีควันจนมองไม่เห็น ตนจึงขึ้นไปชั้น2อีกครั้ง และให้ทุกคนหนีออกทางหน้าต่าง เพราะช่วงนั้นทำยังไงก็ได้ให้ทุกคนออกจากบ้าน ส่วนทรัพย์สินตนไม่ห่วง เพราะตกใจมากกับเหตุการณ์ครั้งนี้ อีกทั้งลูกนอนไม่รู้สึกตัวอะไรเลย ซึ่งปกติลูกจะนอนคนละห้อง แต่โชคดีที่ลูกไม่ได้ล็อกประตู หากล็อกตนก็ไม่ทราบชะตากรรมว่าจะเป็นยังไง สำหรับบ้านตนเปิดเป็นร้านซ่อมแอร์รถยนต์ และเป็นที่เก็บสต็อกรองเท้าของภรรยาไว้ขายของ ซึ่งเสียหายทั้งหมด ทรัพย์สินต่างๆเงินทอง ก็ไม้ได้หยิบออกมา ก็อยากให้หน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเหลือ เพราะทรัพย์สินตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว ตกใจมากกับเหตุการณ์ ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตน อีกทั้งตอนนี้ก็อยู่ในสถานการณ์โควิดอีก ตนหาเช้ากินค่ำ รายได้ก็ไม่พออยู่แล้ว และมาเจอแบบนี้รับไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก