ลั่นเติมเต็มให้พี่น้องในจังหวัดชายแดนใต้เข้าถึงโอกาสได้ไม่แพ้ภูมิภาคอื่น ย้ำครูต้องเปลี่ยนจาก “ผู้สอน” เป็น “ผู้อำนวยการเรียนรู้” ทำให้สังคม เป็น “ห้องเรียนชีวิต”
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.65 ที่โรงแรมเซาท์เทิร์นวิวปัตตานี จังหวัดปัตตานี มีพิธีคารวะอนุสรณ์สถานคุรุวีรชนชายแดนใต้ โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธี นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศธ., นายณรงค์ ดูดิง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) , พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ นายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ร่วมพิธี
นางสาวตรีนุช กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดงานรำลึกคุรุวีรชนชายแดนใต้ ครั้งที่ 12 ว่า สมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ หน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้จัด งานรำลึกคุรุวีรชนชายแดนใต้ ครั้งที่ 12 ขึ้น เพื่อระลึกถึง คุณงามความดี และ ความเสียสละ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา รวมทั้งสิ้น 183 ราย ซึ่งตนได้มีโอกาสรับฟัง และติดตามสถานการณ์การจัดการเรียนการสอนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด ก็เข้าใจ และเห็นใจถึง ความยากลำบากของเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาที่นี่ รวมถึงน้องๆ ลูกหลานนักเรียน ที่ต้องประสบ และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว
“ดิฉันคิดว่าเหตุการณ์เหล่านี้ คงไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ อยากให้เกิดขึ้น เพียงแต่ทว่า เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพวกเรา ไม่ว่าส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค หรือท้องถิ่น เราต้องเข้ามาดูแลพี่น้องเราที่นี่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน และการดำรงชีวิต สิ่งใดที่ยังขาดเหลือ เราก็ต้องมาช่วยกันเติมให้เต็ม ให้พี่น้องในจังหวัดชายแดนใต้ของเรา สามารถเข้าถึงโอกาสได้ไม่แพ้พี่น้องภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ” รมว.ศธ.กล่าว
น.ส.ตรีนุชกล่าวต่อไปว่า วันนี้ แม้ว่าสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จะค่อยๆ ทุเลาลงไปบ้างแล้ว แต่ยังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่พวกเราและพี่น้องชาวจังหวัดชายแดนใต้ ต้องประสบพบเจอไม่ต่างกันคือ การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการเอง ที่ผ่านมาตนได้มอบนโยบายในการจัดการศึกษาและป้องกันควบคู่กัน โดยจัดให้มีการเรียนการสอนทั้ง 5 รูปแบบ หรือ 5 On มีการฉีดวัคซีนครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนวัคซีนนักเรียน สำหรับเด็กที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี และล่าสุด ทาง ศบค.ชุดเล็ก ได้เห็นชอบในหลักการ ให้มีการขยายช่วงอายุของเด็กที่จะได้รับวัคซีน ลงมาเป็นระหว่างอายุ 5-11 ปี มี 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม และ 7 มาตราเข้มงวด เช่น ต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และมีแผนเผชิญเหตุ สำหรับสถานศึกษา ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ตนเชื่อว่า เพียงพอต่อการรับมือ
รมว.ศธ. กล่าวด้วยว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ ณ ขณะนี้ ขอเพียงแค่เราไม่ตื่นตระหนก และอยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้ เพราะเราต้องยอมรับความจริงว่า โลกจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมแบบที่เราเคยเป็นมาก่อน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเข้าใจถึงความผันผวนนี้ และปรับตัวให้มีทักษะที่จะสามารถอยู่รอดท่ามกลางกระแสของการพัฒนาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ได้ ซึ่งสิ่งที่จะทำให้พวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับสถานการณ์ ณ เวลานี้ คือ ทำอย่างไรให้ผู้เรียนของเราไม่พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้ วันนี้ ครูของเราต้องเปลี่ยนจาก “ผู้สอน” มาเป็น “ผู้อำนวยการเรียนรู้” ที่จะคอยจุดประกาย และสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ให้ชุมชน และสังคมของเขา เป็น “ห้องเรียนชีวิต” ที่จะทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดปัตตานี และพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อื่นๆ ซึ่งมีเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ของชุมชน สังคม ที่มีความพิเศษ และโดดเด่นกว่าหลายๆ ภูมิภาคในประเทศไทย ก็เชื่อว่ามีสิ่งดีๆ ที่น่าเรียนรู้ ให้เด็ก เยาวชน รวมถึงพวกเราทุกคน ได้เข้ามาเก็บเกี่ยว เรียนรู้ และซึมซับวัฒนธรรมของที่นี่อีกมากมาย
