จากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโอไมครอนในเวลานี้ ทำให้รัฐบายกเลิกการลงทะเบียนเข้าประเทศแบบ Test & Go ทั่วประเทศแบบไม่มีกำหนด และเหลือไว้เพียงรูปแบบแซนด์บอกซ์ จำนวน 4 จังหวัด คือ พื้นที่ คือ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน) และแบบ AQ (alternative quarantine) ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา แต่หลายภาคส่วนประเมินว่า สายพันธุ์ดังกล่าวน่าจะจบในช่วงไตรมาส 1 และสามารถกลับมาเปิดประเทศในรูปแบบ test & go ได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 2 ล่าสุด นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ทางกระทรวงฯ ได้เตรียมเสนอศบค.ในวันนี้ (20 ม.ค.) นี้ เพื่อให้ไทยกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวในแบบ Test & Go ภายในเดือนกุมภาพันธ์2565 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้เชื่อมั่น ว่า กระทรวงสาธารณสุขสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดหลังโควิดได้ และคาดว่าสถานการณ์มีทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามการกลับมาเปิด Test & Go อีกครั้งจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการที่รัดกุม โดยการเดินทางเข้าไทยนักท่องเที่ยวจะต้องตรวจโควิดแบบ Rt-Pcr จำนวน 2 ครั้งในระหว่างที่พำนักอยู่ในไทย ที่จะต้องจ่ายเงินล่วงหน้าพร้อมกับการจองโรงแรม รวมถึงการเตรียมแผนเผชิญเหตุ อย่าง การจัดทำ Hotel Isolation (ให้โรงแรมรับนักท่องเที่ยว หากพบติดโควิดให้กักตัวในห้องพักโรงแรมได้) ซึ่งในขณะนี้มีที่ภูเก็ตแล้วจังหวัดอื่นๆก็จะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ ยังกล่าวต่อว่า ถ้าหากสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยปี 2565 อยู่ที่ 7-8 ล้านคนแน่นอน สร้างรายได้ราว 4.8 แสนล้านบาท แต่ถ้าเป็นปีงบประมาณจะอยู่ที่ราว 5 ล้านคน ส่วนการเดินทางเที่ยวในประเทศของคนไทยจะอยู่ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ราว 8 แสนล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าในปี2565 ไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ราว 5-15 ล้านคน โดยคาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 5 ล้านคน จากตลาดยุโรปและสหรัฐ แต่ถ้ามีตลาดอินเดีย รัสเซีย ด้วย จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 7 ล้านคน ถ้าได้จีน ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 9 ล้านคน โดยหวังว่าหากนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไปก็น่าจะทำให้เราได้ตัวเลขที่ดี รวมถึงถ้าได้ตลาดจากประเทศเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา เมียนมา และมาเลเซีย หากมีการเปิดชายแดน ก็น่าจะทำให้ต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่มเป็น 15 ล้านคน ซึ่งการระงับการลงทะเบียนเข้าไทยในแบบ Test & GO พบว่า ผลที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะลดลงจากเป้าหมาย 70% จากเป้าที่ตั้งไว้ว่าในช่วงเดือนตุลาคม 2564-มีนาคม 2565 ไทยจะมีนักท่องเที่ยว 560,000 คน อาจเหลือนักท่องเที่ยวมาเพียง 1 แสนคน ในช่วงไตรมาส1ปี2565 หรือลดจากเป้าถึง 3.8 แสนคน โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นในตลาดระยะไกล พบว่ามีการยกเลิกเที่ยวบินเช่าเหมาลำ จากตลาดนอร์ดิก ของ TUI Nordic ตลาดสหราชอาณาจักร (TUI UK) ไปภูเก็ค และกระบี่ การยกเลิกเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ตลาดคาซัคสถาน (Sunday Airlines) ไปยังอู่ตะเภา และตลาดโปแลนด์ โรมาเนีย ส่วนเตอร์กิซ แอร์ไลน์ส จะยกเลิกบินเข้าภูเก็ตจากบินทุกวันเหลือสัปดาห์ละ 2 วัน สายการบินฟินแอร์ ระงับเส้นทางบินสู่จังหวัดกระบี่ ส่วนผลกระทบของตลาดระยะใกล้อย่างตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ พบว่า ภาพรวมตลาดหลัก เช่น ตลาดญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน เกิดการสะดุดเป็นครั้งที่ 2 จากบุ๊กกิ้งใหม่ที่ชะลอการเดินทางลดลงกว่า 90% เที่ยวบินเช่าเหมาลำของเกาหลี ที่จะเดินการในเดือนมกราคม-มีนาคม 2565 ถูกยกเลิกทั้งหมด และสายการบินพิจารณาปรับลดเที่ยวบินปกติลงด้วย อีกทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆที่กระตุ้นการท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้ของไทยก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรม Visit Thailand Year Golf Tournament อาจเลยช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเสนอขายไปแล้ว รวมถึงกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อค่อนข้างมาก รวมถึงกิจกรรมเมกะแฟมทริป การจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดร่วมกับพันธมิตรในพื้นที่ที่จะกระทบไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ต้องเลื่อนออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์