นายณัฐชรัตน์ กฤตธน ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนศูนย์นวัตกรรมพืชเศรษฐกิจไทย (คศ.พท.) เปิดเผยว่า เจตนารมณ์ของกฎหมาย เมื่อไม่ได้ระบุกัญชาเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ให้เป็นไปตามประกาศของ รมว.สาธารณสุข โดยความเห็นชอบของ ปปส. แต่ขณะนี้มีประเด็นความเห็นต่าง ทำให้สังคมสับสนและมีเครื่องหมายคำถามในวงกว้าง ทำให้เกิดผลกระทบกับวิสาหกิจชุมชนที่อยู่ระหว่างการขออนุญาตปลูกกัญชาหลายพันแห่ง ซึ่งล้วนมีบันทึกข้อตกลงกับหน่วยงานของรัฐ เช่น กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกและมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมถึงสิทธิที่วิสาหกิจชุมชนสามารถยื่นขออนุญาตปลูกกัญชาเองได้ โดยต้องระบุที่มาของเมล็ดพันธุ์หรือต้นพันธุ์ที่ใช้ปลูกและระบุการนำช่อดอกกัญชาไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมอื่นๆ ทำให้การดำเนินการล่าช้า เสียโอกาสที่พึงจะได้ “โปรดคำนึงถึงประโยชน์จากพระราชบัญญัติฉบับนี้โดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชนที่ยังสับสนและกังขาในเรื่องกัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ รมว.สาธารณสุข ต้องจัดทำประกาศโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ ให้ระบุชื่อยาเสพติดและประเภทยาเสพติดให้ชัดเจนโดยเร็วและออกระเบียบเรื่องอำนาจในการอนุญาตผลิต ผู้มีสิทธิขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองฯ ที่ไม่ขัดกับกฎหมายและไม่ขัดกับอนุสัญญาเดี่ยวยาเสพติดที่ไทยได้ลงนามไว้กับ UN จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและการนำกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์ต่างๆ ทั้งทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์อุตสาหกรรมทางการแพทย์และเศรษฐกิจสุขภาพ ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้และสร้างเศรษฐกิจชุมชนตามเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติดให้โทษ”