วันนี้(17 ม.ค. 65) ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเขาดิน อำเภอโพธาราม จ.ราชบุรี พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณัฎฐ์ พิพัฒน์สวัสดิ์ ผกก.สภ.เขาดิน ได้ทำการสอบปากคำนายนครินทร์ หรือกริช หรืออเนก เงินสุวรรณ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/2 หมู่ 6 ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับลักทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ รวมทั้งหมด 7 หมายจับ และนายคุณากร หรือ เป้ พานเงิน อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 10 ต.ลำไทร อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 หมายในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยกระทำความผิดด้วยกันสองคนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร โดยมีของกลางที่ตรวจยึดมาได้ เป็น รถปิกอัพยี่ห้อ โตโยต้า 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน 7 กฆ-1633 กรุงเทพฯ ที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนไปขโมยมาจากบ้านเลขที่ 95 หมู่ 10 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ที่สภ.เขาดิน เมื่อวันที่ 16 ม.ค.65 ว่ารถปิกอัพยี่ห้อ โตโยต้า 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน 7 กฆ-1633 กรุงเทพฯ หายจากบ้านไปในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เพื่อให้ช่วยติดตามรถคันดังกล่าว เนื่องจากผู้เสียหายนั้นเชื่อว่าผู้ที่มาขโมยรถไปนั้นคือนายนครินทร์ หรือกริช หรืออเนก เงินสุวรรณ ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกันในเฟสบุ๊ค และไปซื้อรถคันดังกล่าวมา ด้วยกันเมื่อหลายเดือนก่อน และนายนครินทร์ นั้นเคยขอกุญแจสำรองไว้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกติดตามโดยตรวจสอบ GPS ในรถยนต์ จนทราบว่ารถอยู่ที่สถานีขนส่งหมอชิต กรุงเทพฯ จึงได้ไปติดตามจนพบรถและพบผู้ต้องหาทั้งสองรายอยู่ที่รถ จึงได้ควบคุมตัวไว้
จากการตรวจสอบประวัติของนายนครินทร์ ซึ่งเป็นชื่อล่าสุดที่ได้มีการเปลี่ยนชื่อมา ก็ทราบว่ามีหมายจับทั้งหมด 7 หมาย ประกอบด้วย 1.หมายจับของ สภ.เมือง อุดรธานี ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ปลอมและใช้บัตรประชาชนปลอม 2. หมายจับของสภ.เมืองกระบี่ ในข้อหาลักทรัพย์ (รถยนต์) 3. หมายจับของสภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน 4.หมายจับของสภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน 5. หมายจับของ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี ในข้อหา ร่วมกันครองครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต 6.หมายจับของสภ.บ้านฉาง จ.ระยอง ในข้อหายักยอกทรัพย์ และ 7. หมายจับของสภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ในข้อหา ยักยอกทรัพย์
จากการสอบปากคำในเบื้องต้น นายนครินทร์ ก็ให้การรับสารภาพว่า มีพฤติการณ์ขโมยของและยักยอกทรัพย์ มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งก่อเหตุมาแล้วรวมทั้งหมด 15 คดี ถูกจับและติดคุกมาแล้ว 8 ครั้ง 8 คดี ส่วนหมายจับอีก 7 คดีนั้นได้หลบหนีอยู่แต่ก็มาถูกจับจนได้ โดยพฤติการณ์ในช่วงวัยเด็กประมาณ 17-18 ปี จะใช้วิธีคือไปขโมยรถจักรยานยนต์มาแล้วนำไปขายต่อ เมื่อได้รับเงินค่ารถแล้วก็จะโทแจ้งทางเจ้าของรถว่ามีคนนำรถไป และให้ไปติดตามได้ที่บริเวณจุดที่ลูกค้านำรถไปจอดขายอีกทอด ซึ่งเมื่อทางเจ้าของไปนำรถกลับมาแล้ว ทางนายนครินทร์ ก็ไม่ได้นำเงินไปคืนให้กับทางผู้ที่ซื้อรถ เนื่องจากทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นรถที่ไม่ถูกต้อง จึงได้เงินตรงนี้มาเป็นค่าใช้จ่าย และเมื่อเห็นว่าได้เงินง่าย จึงขยับขึ้นมาเป็นรถยนต์และทำมาเรื่อย ถูกจับกุมหลายครั้ง แต่ก็ติดคุกไม่นานก็ออกมาก่อเหตุซ้ำๆอีก
ด้านพล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ก็บอกว่าคดีนี้เป็นคดีที่น่าสนใจมีผู้เสียหายหลายราย และได้รับความร่วมมือจากกองปราบที่ได้ช่วยติดตามตัวคนร้าย ซึ่งมีหมายจับถึง 7 หมาย ซึ่งการจับกุมในครั้งก็ต้องดำเนินคดีให้เด็ดขาดเพราะผู้ต้องหานั้นก่อคดีมาโชกโชนและไม่ได้เกรงกลัวกฎหมาย
จากการตรวจสอบประวัติของนายนครินทร์ ซึ่งเป็นชื่อล่าสุดที่ได้มีการเปลี่ยนชื่อมา ก็ทราบว่ามีหมายจับทั้งหมด 7 หมาย ประกอบด้วย 1.หมายจับของ สภ.เมือง อุดรธานี ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ปลอมและใช้บัตรประชาชนปลอม 2. หมายจับของสภ.เมืองกระบี่ ในข้อหาลักทรัพย์ (รถยนต์) 3. หมายจับของสภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน 4.หมายจับของสภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน 5. หมายจับของ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี ในข้อหา ร่วมกันครองครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต 6.หมายจับของสภ.บ้านฉาง จ.ระยอง ในข้อหายักยอกทรัพย์ และ 7. หมายจับของสภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ในข้อหา ยักยอกทรัพย์
จากการสอบปากคำในเบื้องต้น นายนครินทร์ ก็ให้การรับสารภาพว่า มีพฤติการณ์ขโมยของและยักยอกทรัพย์ มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งก่อเหตุมาแล้วรวมทั้งหมด 15 คดี ถูกจับและติดคุกมาแล้ว 8 ครั้ง 8 คดี ส่วนหมายจับอีก 7 คดีนั้นได้หลบหนีอยู่แต่ก็มาถูกจับจนได้ โดยพฤติการณ์ในช่วงวัยเด็กประมาณ 17-18 ปี จะใช้วิธีคือไปขโมยรถจักรยานยนต์มาแล้วนำไปขายต่อ เมื่อได้รับเงินค่ารถแล้วก็จะโทแจ้งทางเจ้าของรถว่ามีคนนำรถไป และให้ไปติดตามได้ที่บริเวณจุดที่ลูกค้านำรถไปจอดขายอีกทอด ซึ่งเมื่อทางเจ้าของไปนำรถกลับมาแล้ว ทางนายนครินทร์ ก็ไม่ได้นำเงินไปคืนให้กับทางผู้ที่ซื้อรถ เนื่องจากทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นรถที่ไม่ถูกต้อง จึงได้เงินตรงนี้มาเป็นค่าใช้จ่าย และเมื่อเห็นว่าได้เงินง่าย จึงขยับขึ้นมาเป็นรถยนต์และทำมาเรื่อย ถูกจับกุมหลายครั้ง แต่ก็ติดคุกไม่นานก็ออกมาก่อเหตุซ้ำๆอีก
ด้านพล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ก็บอกว่าคดีนี้เป็นคดีที่น่าสนใจมีผู้เสียหายหลายราย และได้รับความร่วมมือจากกองปราบที่ได้ช่วยติดตามตัวคนร้าย ซึ่งมีหมายจับถึง 7 หมาย ซึ่งการจับกุมในครั้งก็ต้องดำเนินคดีให้เด็ดขาดเพราะผู้ต้องหานั้นก่อคดีมาโชกโชนและไม่ได้เกรงกลัวกฎหมาย